Politics

‘บิ๊กตู่’ แจงสัมพันธ์ 40 ปี ‘3 ป.’ ไว้ใจกันไม่ใช่ต่างตอบแทน

นายกฯ ฟังยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของนักศึกษาทหาร พอใจสอดคล้องนโยบายรัฐบาล มีความสุขในการทำงาน แจงสัมพันธ์กว่า 40 ปี “พล.อ.ประวิตร-พล.อ.อนุพงษ์” ทำให้ไว้วางใจกัน ยืนยันไม่ใช่ต่างตอบแทน

1567681963077

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 60 วิทยาลัยการทัพบกรุ่นที่ 64 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 51 และวิทยาลัยทัพอากาศรุ่นที่ 53 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมรับฟังที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ

นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนักศึกษาวปอ.รุ่นที่ 61 ได้นำเสนอเศรษฐกิจสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ผ่านโครงการต้นแบบ 2 โครงการด้วยกันคือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร พร้อมสะท้อนถึงแผนการพัฒนาประเทศผ่านโครงสร้างและการบริหารภาครัฐที่สอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนทุกกลุ่ม แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำควบคู่กับการพัฒนาทุนมนุษย์ ให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

นายอนุทิน กล่าวว่า เอกสารที่นำเสนอวันนี้ หากสามารถทำได้จะเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ประเทศ 1 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี และนักศึกษาวปอ.รุ่นนี้พร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ และมั่นใจการนำพาประเทศของนายกรัฐมนตรี และตนพร้อมเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีด้วย

1567682033235

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมรายงานการศึกษา ว่า นำเสนอได้ตรงประเด็นและถูกเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ถูกบรรจุในนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องนำไปปรับให้มีความยืดหยุ่น ทันต่อสถานการณ์และกฎระเบียบต่างๆ

“ยืนยันว่ามีความสุขในการทำงาน สิ่งที่ทำนึกถึงเสมอว่าทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน และรักษาไว้เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ ซึ่งงานทุกอย่างจะต้องเริ่มจากความมีเสถียรภาพทางการเมืองและการทหาร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และทุกวันนี้ผมไม่กังวลปัญหานอกประเทศ แต่กังวลเรื่องในประเทศมากกว่า บางเรื่องเป็นเรื่องไม่สำคัญและทำให้เสียสมอง แต่ยังสู้ไหว ตราบใดที่ยังมีรองนายกรัฐมนตรีเก่ง ๆ เช่น นายอนุทิน รวมถึงผบ.เหล่าทัพ”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัญหาหลักขณะนี้คือเรื่องการเคารพกฎหมาย การมีจิตสำนึก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุด และตลอด 5 ปีที่ผ่านมาพยายามให้ทุกคนมีจิตสำนึก แต่ยังทำไม่ได้ทั้งหมด ต้องรู้จักสร้างให้ทุกคนเป็นคนตื่นรู้ ไม่เฉื่อยชา และขอฝากข้าราชการรู้จักใช้ประโยชน์จากดิจิทัล เพราะหากไม่เรียนรู้จะเสียโอกาสในการพัฒนา ขอให้ช่วยกันลดความขัดแย้ง

“เรื่องการเมืองที่พยายามโจมตีไปมา ก็เพื่อหวังให้ผมเจ็บปวด แต่การโจมตี ทำให้ประเทศไทยเสียหายมากกว่า และคนไทยเป็นคนละเอียดอ่อน เชื่อคนง่าย อ่านหนังสือไม่ถึงสามบรรทัดก็เชื่อแล้ว และมักนำไปโพสต์ต่อโดยไม่ศึกษาที่มาที่ไป และบางครั้งจ้องจะต่อว่าแต่ผม ซึ่งไม่รู้เกลียดอะไรผมนัก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะโกรธคืนไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องของการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้จัดซื้อเพื่อใช้ในการรบอย่างเดียว แต่มีความจำเเป็นใช้สำหรับการฝึกร่วม และเพื่อเป็นแนวทางป้องกันประเทศด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่มาร่วมรับฟังในวันนี้ ว่า บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ที่ตนเองมีวันนี้ได้เพราะพี่ทั้งสองคนได้สอนมา และได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ทำให้เกิดความไว้ใจซึ่งกันและกันจนเป็นความผูกพัน และทำงานร่วมกันตั้งแต่ตนเองยศร้อยตรี มีพล.อ.ประวิตรเป็นผู้บังคับบัญชาในขณะนั้น ความสัมพันธ์มากกว่า 40 ปี

“สิ่งที่ทำทุกวันนี้ไม่ได้เป็นเรื่องประโยชน์ต่างตอบแทน เพราะหลักการของผมคือทำดีต้องได้ดี ถ้าทำไม่ดี ต่อให้รักมากแค่ไหน ผมก็ไม่ให้ และหากผมเกเร คงไม่ได้รับความไว้วางใจเช่นนี้ ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องรู้บทบาทและหน้าที่ของตนเองและต้องมีความหนักแน่นในการทำงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้มีคนนำชื่อตนเองไปอ้างเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จำนวนมาก พร้อมยกตัวอย่างคนที่นำนามสกุลจันทร์โอชาไปแอบอ้างขายนาฬิกา ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือเป็นญาติกัน หากตรวจสอบพบพร้อมจะดำเนินการ วันนี้มีการพูดถึงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งมูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบ และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เช่นเดียวกับการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ที่ยังเป็นหนังหน้าไฟอยู่

ที่มา : สำนักข่าวไทย

Avatar photo