“นายกรัฐมนตรี” ติดตามการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร เน้นเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่และตรวจสอบอุปกรณ์ให้ใช้งานได้ตลอดเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) บริเวณสถานีตำรวจนครบาลบางเขน โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe jacking) ถนนพหลโยธิน บริเวณแยกเกษตรศาสตร์ และโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และนายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบระบายน้ำ กรุงเทพมหานครร่วมตรวจเยี่ยมด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังบริเวณวงเวียนบางเขน เพื่อติดตามงานโครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (water bank) ซึ่งเป็นการวางบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) แก้จุดเสี่ยงน้ำท่วมย่านวงเวียนบางเขน เพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ ทั้งการจัดเก็บน้ำและหน่วงน้ำในพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง โอกาสนี้ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้บรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ 14 จุดเสี่ยง โดยได้มีการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) 4 แห่ง ที่วงเวียนบางเขน รัชดา-วิภาวดี ปากซอยสุธิพร 2และศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา รวมทั้งจุดสร้าง Water Bank และบริเวณพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. (ดาดท้องลอด) และสถานีสูบน้ำ เป็นต้น พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้เป็นผู้ให้คำแนะนำ รูปแบบการบริหารจัดการน้ำ Water Bank ทั้ง 4 แห่ง นั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe Jacking) บริเวณแยกเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมแยกเกษตรศาสตร์ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็น 1 ใน 14 โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe Jacking) ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe jacking) ถนนพหลโยธิน บริเวณแยกเกษตรศาสตร์แล้วเสร็จ จะสามารถช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในถนนสายหลัก เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำบริเวณถนนพหลโยธินและพื้นที่ใกล้เคียง โดยนายกรัฐมนตรีสอบถามด้วยความสนใจถึงการดำเนินการดังกล่าว พร้อมแนะให้ทำแผนให้สมบูรณ์และเร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จุดเสี่ยงก่อนเป็นลำดับแรก
ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจติดตามงานปรับปรุงสถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาออก (ฝั่งเหนือ) ซึ่งการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต โดยสำนักการระบายน้ำของ กทม. ได้ปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตจำนวน 15 สถานี โดยเพิ่มอัตรากำลังสูบน้ำเป็น 81 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราว เพื่อระบายน้ำจากถนนวิภาวดีรังสิตและคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตลงสู่คลองในพื้นที่ เมื่อโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตแล้วเสร็จทั้งหมด จะเพิ่มอัตรากำลังสูบน้ำจาก 81 ลบ.ม./วินาที เป็น 110 ลบ.ม./วินาที สามารถเร่งระบายน้ำลงสู่คลองบางซื่อ คลองลาดยาว คลองบางเขน คลองวัดหลักสี่ ระบายออกสู่คลองเปรมประชากร และอีกส่วนหนึ่งระบายออกคลองลาดพร้าว ตลอดจนช่วยดึงน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตทั้งฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออกลงสู่ระบบอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมโครงก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe jacking) และโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตว่า เป็นโครงการที่ดีเยี่ยม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้มากยิ่งขึ้น และขอให้ กทม. ดำเนินการต่อไป โดยกำชับให้เตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ ให้พร้อมใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกันดูแลแม่น้ำคูคลอง และสิ่งแวดล้อม โดยกำจัดน้ำเสียก่อนปล่อยทิ้งลงสู่แม่น้ำ และไม่ทิ้งขยะลงในคูคลอง เพราะการบริหารจัดการน้ำต้องทำทั้งระบบ ให้เหมาะสม สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความต่อเนื่องและให้เกิดความยั่งยืนสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติตามที่ได้กำหนดไว้