Politics

นักกฎหมาย ชี้ ‘พีระพันธุ์’ งานงอก พบยังถือหุ้นเอกชน

นักกฎหมาย ชี้ “พีระพันธุ์” งานงอก พบยังถือหุ้นเอกชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตั้งคำถามจะชี้แจ้งสังคมอย่างไร มีสถานะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจของ “บริษัท รพีโสภาค จำกัด” ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี และก่อนรัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

จากกรณีมีกระแสลุกลามในเรื่องที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังเป็นกรรมการบริษัท และยังไม่ได้โอนหุ้น ซึ่งแม้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จะระบุว่า นายพีระพันธุ์เป็นนักกฎหมายที่เก่ง จึงไม่น่ากังวลใจในเรื่องการเป็นกรรมการบริษัท และผู้ถือหุ้นที่กำลังเป็นข่าว ส่อตกเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้น

พีระพันธุ์

ล่าสุด วันนี้ (29 เม.ย.) “ดร.ณัฏฐ์” ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ข้อห้ามของรัฐมนตรี และให้ความรู้ด้านกฎหมายมหาชน อันเป็นประโยชน์สาธารณะ

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จักกับนายพีระพันธุ์ และนายสนธิญา สวัสดี ผู้เปิดประเด็น แต่จะให้ความรู้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนที่มีใจรักความเป็นธรรม ทั้งกองเชียร์ กับกองแช่งทั้งสองฝ่ายได้พิจารณา

รัฐธรรมนูญได้บัญญัติคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามไว้ตามรัฐธรรมนูญ หากเป็นจริง นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ย่อมกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 187 สถานะความเป็นรัฐมนตรีของนายพีระพันธุ์ย่อมสิ้นสุดลง และจะต้องเจอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำเนินคดีอาญาฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นเท็จ

พีระพันธุ์
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม

รวมถึงยื่นศาลฎีกาดำเนินคดี กรณีการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง มาตรา 235 วรรคหนึ่ง ให้เป็นนักกฎหมายที่นายสุชาติ อวยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นครพนม ก็ไม่รอด

​เท่าที่ตนได้ตรวจสอบจากนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ยังคงมีสถานะเป็นเจ้าของบริษัท หรือเป็นกรรมการของบริษัท รพีโสภาค จำกัด ที่จดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และยังดำเนินกิจการอยู่ถึงปัจจุบัน

ถามว่า นายพีระพันธุ์จะชี้แจงสังคมอย่างไร โดยนายพีระพันธุ์มีสถานะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท นับตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี และก่อนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้บังคับ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2556 ต่อเนื่องมาตลอด จนถึงปัจจุบัน

นายพีระพันธุ์ยังเป็นเจ้าของบริษัท หาได้ไปดำเนินการจดแจ้งต่อทะเบียนเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะกรรมการบริษัท ไม่แน่ใจว่านักกฎหมายที่เก่ง เขาผิดพลาดหรือไม่

ฝากถามนายสุชาติ ให้ไปสอบถาม นายพีระพันธุ์ว่า เหตุใดถึงไม่มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ทั้งยังมีชื่อผู้ตาย คือนางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค มารดาของนายพีระพันธุ์ ที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นกรรมการบริษัทอยู่

เท่าที่ตรวจสอบพบว่า บริษัท รพีโสภาค จำกัด ในการดำเนินกิจการบริษัท จะต้องดำเนินโดยกรรมการผู้มีอำนาจ ตามที่จดทะเบียนไว้ในหนังสือบริคณฑ์สนธิ ในการบริหารงานบริษัท เป็นอำนาจเฉพาะตัวของกรรมการ ที่ได้จดทะเบียนไว้ใช่หรือไม่

พีระพันธุ์

สิ้นปีงบประมาณ บริษัทจะต้องจัดทำงบดุลตามความเป็นจริงใช่หรือไม่ และจะต้องรับรองงบดุลการเงินทุกปีใช่หรือไม่ ในปี 2566 และ 2567 จะต้องส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ใช่หรือไม่

แต่ตนได้ตรวจสอบงบการเงินของบริษัทนี้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 บริษัทนี้ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 14 ล้านบาท ใช่หรือไม่ โดยกระทำภายหลังนางโสภาพรรณเสียชีวิตและขณะเป็นรัฐมนตรี ในการดำเนินการ จะต้องดำเนินการโดยกรรมการที่มีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่

ให้นักข่าวไปสอบถามว่า นายพีระพันธุ์จดจำได้หรือไม่ว่า ใครลงนาม หรือความจำเสื่อม ส่อให้เห็นว่า ในขณะที่นายพีระพันธุ์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งในรัฐบาลนายเศรษฐา และรัฐบาลนี้ กระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญโดยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัท รพีโสภาค จำกัดหรือไม่ อย่างไร ให้ประชาชนช่วยกันไปดูงบการเงินของบริษัทนี้

ถามว่า บริษัทนี้ ยังประกอบกิจการอยู่ และกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ในรัฐบาลนางสาวแพทองธารหรือไม่

ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่สื่อนำมาเผยแพร่ ระบุว่า ไม่เคยเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด ตนสงสัยว่า เจ้าหน้าที่กรอกข้อมูลเอง หรือเจ้าหน้าที่กรอกตามข้อมูลตามที่นายพีระพันธุ์ให้ไว้

แล้วจำนวนเงินกู้ยืม จำนวน 14 ล้านบาท ตัวเลขกลม ๆ ที่งอกตัวเลขในงบการเงิน ระบุเป็นเงินกู้ระยะสั้น ถามว่า นายพีระพันธุ์ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สิน ต่อ ปปช.หรือไม่ ประชาชนทางบ้านสงสัยจึงฝากถามมา

พีระพันธุ์

มาตรา 187 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้รัฐมนตรี เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไป ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด

ซึ่งเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญว่าด้วยผลประโยชน์ขัดกัน การกระทำห้ามบุคคลที่เป็นรัฐมนตรี เว้นจะต้องแจ้งให้ประธาน ปปช. และทำการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่นิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียน บริหารผลประโยชน์เพื่อบุคคลอื่น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo