Politics

‘ไพศาล’ ฟันฉับ ประมุขและแม่ทัพใหญ่ ฝ่ายแดง-น้ำเงิน พบเพื่อพราก 5 เรื่องยากยอมรับได้

“ไพศาล” ฟันธง 5 ความขัดแย้งที่ยากจะแก้ไข หลังประมุข และแม่ทัพใหญ่ ของฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงิน พบหน้ากัน ชี้เป็นการพบเพื่อพราก

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า

politic

พบเพื่อพราก

และแล้วประมุข และแม่ทัพใหญ่ ของฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงินก็ได้พบหน้ากันแล้ว ที่บ้านจันทร์สองหล้า หลังจากดืลนัดพบกันครั้งก่อนที่โรงแรมพูลแมนล้มเหลวลง

แม้ว่าประมุข ของทั้งสองฝ่าย จะไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเล่าปี่และโจโฉในยุคสามก๊ก แต่การพบปะกันครั้งนี้ ย่อมเปรียบเทียบกันได้กับการพบกันระหว่างเล่าปี่กับโจโฉ ในศึกทุ่งฮันซุย ที่ทั้งสองฝ่ายนำทัพ ด้วยตนเอง และได้ออกมาพบหน้าเจรจากันด้วยตนเอง เป็นครั้งแรกและสุดท้าย ในชีวิตของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเรียกว่าเป็นการพบเพื่อพราก

การพบปะกันของประมุขแดง-น้ำเงินในครั้งนี้ ก็เหมือนกับการพบกันของเล่าปี่กับโจโฉในศึกทุ่งหันซุยนั่นเอง

เหตุที่ประมาณการว่าเป็นการพบเพื่อพราก ก็เพราะว่าความขัดแย้งระหว่างแดงน้ำเงินนั้น ไม่ใช่ความขัดแย้งประเภทเพื่อการพัฒนา แต่เป็นความขัดแย้งชนิดที่เรียกว่าเป็น รปักษ์ ต่อกัน คือต่างฝ่ายต่างมุ่งหมายที่จะเป็นผู้ช่วงชิงครองอำนาจรัฐ ที่จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีวันยอมรับได้

ดังนั้น จึงเป็นสารตั้งต้นของความขัดแย้งที่แก้ไขไม่ได้ระหว่าง 2 ฝ่าย คือ ความขัดแย้งเรื่อง

1. การครองกระทรวงมหาดไทย

2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

3. ที่ดินสนามกอล์ฟ Alpine และเขากระโดง

4. การยึดครองสภาสูง

5. การยึดครององค์กรอิสระ

6. การแสวงหาประโยชน์ จากอำนาจรัฐ ที่ฝ่ายหนึ่งถูกรุมด่าแต่อีกฝ่ายหนึ่งเงียบกริบ

paisal
ไพศาล พืชมงคล

ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่สามารถประนีประนอมได้โดยพื้นฐาน เพราะต่างฝ่ายต่างต้องช่วงชิงให้ได้ จึงกลายเป็นความขัดแย้งประเภทที่เรียกว่าเป็น ปรปักษ์ และเป็นพื้นฐานของการพบเพื่อพรากในครั้งนี้

แต่อย่างน้อยการพบปะกันในครั้งนี้ คงทำให้ฝ่ายแดงอุ่นใจขึ้นได้บ้างว่า นายกอุ๊งอิ๊งจะไม่ถูกไล่ตกเก้าอี้ให้อัยอายขายหน้า

แต่อย่างว่านั่นแหละ การเมืองก็คือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด

ดังนั้นสารพัดกลยุทธ์ยุทธวิธี และการทำลายกันชนิดเลือดข้นเลือดเย็นเลือดร้อนย่อมมีขึ้นได้ อย่างเหนือความคาดหมายเสมอ ซึ่งต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดต่อไป

ความขัดแย้งหลักของคู่นี้แหละ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเมืองของประเทศไทย ชนิดพลิ้วพิสดารนับแต่นี้เป็นต้นไป

ฝ่ายส้มไม่ใช่คู่ความขัดแย้งหลัก แม้ว่าพยายามจะฟื้นสถานะเท่าใดก็ตาม ได้แต่เป็นตัวแปรอยู่นอกสนามรบ

ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ความผิดพลาด ของความคิดกลัวส้มขึ้นสมอง แล้วทำให้ สถานการณ์ทางการเมืองพลิกผัน จนฝ่ายแดงกลายเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo