Politics

เพื่อไทย หนุนตีความร่างรัฐธรรมนูญ ยันเดินหน้าดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พรรคเพื่อไทย หนุนยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ชัด ย้ำเดินหน้าต่อเสี่ยงตก อยากยุติปัญหา ยันต้องทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย สส.พรรคฯ แถลงภายหลังองค์ประชุมล่ม ขณะที่มีการพิจารณาวาระพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1

เพื่อไทย

ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีเจตนารมย์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ และแก้ให้ได้มุ่งต่อความสำเร็จ ไม่ใช่เพียงแต่ได้แก้ ตามนโยบายที่ให้ไว้แล้วมาแสดงว่าได้แก้แล้ว จบไม่จบ ได้ไม่ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่ เพราะเรามุ่งหวังความสำเร็จสถานการณ์จึงเกิดวันนี้ขึ้น โดยหลังจากที่พรรคพยายามได้ยื่นมาหลายรอบ แต่เมื่อยื่นแล้วก็ยังมีข้อกังขาว่าประธานสภาฯ จะบรรจุหรือไม่บรรจุวาระ นั่นคือความคลุมเครือและเป็นปัญหามาตลอด และรู้ดีว่าจะเป็นปัญหาต่อไป

นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อร่างดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่สภาแล้วนับวันที่จะพิจารณา เราก็พยายามที่จะประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ นั่นคือเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและเสียงของ สว. เมื่อเราทำเต็มที่และขอความร่วมมือเต็มที่แล้ว จากการประเมินเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) พบว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านนั้นยาก ซึ่งเมื่อไม่มีโอกาสเราจะทำอย่างไร จะจำนนต่อสถานการณ์โดยจะเสนอและพิจารณากันไปปล่อยให้โหวตแล้วให้ตกหรือไม่ หากทำแบบนั้นคือ ความล้มเหลว และเราทราบดีว่าความล้มเหลวรออยู่แล้ว

ดังนั้น จึงแสวงหาอีกวิธีหนึ่งที่พอจะมีความหวังคือ ขอให้ร่างได้อยู่ในสภายังไม่ตก คือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ระหว่างที่รัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัยร่างก็ยังอยู่ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นคุณออกมาก็มีโอกาสสำเร็จ เราก็จะเดินหน้า แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาในทางแก้ไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าแก้ไม่ได้

ในกรณีศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัย ก็เกิดความเห็นที่ต่างกัน เช่น ต้องทำประชามติกี่รอบ และสมาชิกรัฐสภาก็เกิดความกังวลว่าพิจารณาและลงมติ จะถูกตัดสินหรือดำเนินคดีหรือไม่ เพราะมีตัวอย่าง ต้องยอมรับว่ามีสมาชิกจำนวนไม่น้อยไม่มั่นใจในสถานะหากอยู่ประชุม

ทางที่ดีคือ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความมาแล้ว ความหวังเรายังมี วันนี้เราจึงสนับสนุนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แต่เมื่อญัตตินี้แพ้ต่อสภาเราก็ต้องพิจารณากันต่อ เราก็มองเห็นคำตอบอยู่ข้างหน้าว่าเมื่อไปก็ถูกปัดตก ฉะนั้น เราจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผล เดินทางตรงไม่ได้ก็ขอเดินทางโค้ง ทางโค้งยังไม่สำเร็จขอหยุดการเดินทางไว้ก่อน ดีกว่าเดินไปตกเหว

politic thai

ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่วิเคราะห์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี 2 ร่างอยู่ในขณะนี้ แนวโน้มก็คงจะไม่ผ่านมติของรัฐสภา หรือเสียงของ สว.ที่จะเห็นชอบไม่ถึง 67 เสียง ซึ่งสาเหตุสำคัญที่อ้างคือ ประธานรัฐสภาสั่งบรรจุระเบียบวาระดังกล่าว เข้ามาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเขาพุ่งไปที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 คือนำไปสู่จะยังบรรจุไม่ได้ จนกว่าจะถามประชาชนเสียก่อน คือจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง

เมื่อประเด็นวิตกกังวลเป็นเช่นนี้ ว่าจะไม่ผ่านเพราะเหตุนี้ เราจึงตั้งว่าถ้าแบบนั้นประเด็นนี้ก็ควรสอบถามกันให้ชัดเจนว่า ท้ายที่สุดการบรรจุระเบียบวาระเช่นนี้ที่นำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงนำไปสู่การสนับสนุนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ โดยหวังว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตอบมาในทางที่เป็นคุณ คือที่ทำถูกต้องแล้ว ก็สามารถเดินหน้าต่อได้

ฉะนั้น คิดว่าหากเราพิจารณากันต่อ ทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้วว่านำไปสู่ญัตติตกไป และเมื่อตกไปก็ถือว่าน่าเสียดายคือเราทำใหม่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ และเมื่อเริ่มต้นใหม่ปัญหาก็คาราคาซังเหมือนเดิม ก็จะวนเวียนมาสู่ปัญหานี้อีก ฉะนั้น ที่เราทำเจตนาคือต้องการให้ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงอยู่ในรัฐสภา และคิดหาทางกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ

ยืนยันว่าพรรคไม่มีเจตนาเตะถ่วง เรามีเจตนาเต็มที่ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะเป็นนโยบายที่เราเสนอมาตลอด และมีความพยายามจะทำอย่างนี้มาตลอด

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุปสรรคใหญ่คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ตีความไม่เหมือนกัน เราอยากให้ปัญหานี้ยุติเสียที เราจึงสนับสนุนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ โดยหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วมีความชัดเจน เราจะได้ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้

เมื่อถามว่าพรรคจะทำอย่างไร เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราอยากเคลียร์ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งพบว่าปัญหานั้นไม่ใช่ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เพราะกระบวนการและวิธีการไม่ถูกต้อง ดังนั้นพรรคเห็นว่าควรถาม เพื่อเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจน

ด้านนายสุทิน คลังแสง กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า ตนคิดว่าไม่ลำบาก ถึงวันนี้ประชาชนจะมองออกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ  กลุ่มแรกคือพรรคภูมิใจไทยและ สว. ส่วนหนึ่ง ที่ไม่แก้ กลุ่มที่ 2 คืออยากแก้แสดงตัวว่าจะแก้ แต่มีข้อแม้ว่าแก้จริงหรือไม่พยายามที่จะดันต่อไปทั้งที่รู้ว่าถูกตีจะตก สังคมจะรู้ว่าแก้เพื่อหวังผลสำเร็จหรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo