COVID-19

โปรตีนหนาม ไวรัสโควิด-19 ตัวการร้ายทำลายสมองในระยะยาว

ศูนย์จีโนมฯ เผยผลวิจัยล่าสุด บ่งชี้ว่าโปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวการร้ายที่ส่งผลกระทบต่อสมองในระยะยาว

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  เรื่อง โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวการร้ายที่ส่งผลกระทบต่อสมองในระยะยาว โดยระบุว่า

ไวรัสโควิด-19

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความกังวลให้กับประชาชนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แม้ว่าวัคซีนและการรักษาจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง แต่ผลกระทบระยะยาวของโรคนี้ ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามไขคำตอบ ล่าสุด งานวิจัยใหม่ได้เผยให้เห็นว่าโปรตีนหนามหรือสไปก์ (spike protein) ของไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสมองในระยะยาว

งานวิจัยล่าสุดที่นำโดย ดร. อาลี เออร์ตูร์ค (Ali Ertürk) และทีมวิจัยจากสถาบัน Helmholtz Munich และมหาวิทยาลัย Ludwig-Maximilians แห่งมิวนิค ประเทศเยอรมันได้เผยให้เห็นถึงการคงอยู่ และผลกระทบของโปรตีนสไปก์ ของไวรัส SARS-CoV-2 ในกะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสมอง (meninges) และเนื้อสมองของผู้ป่วยโควิด-19 แม้หลังจากที่ร่างกายกำจัดไวรัสออกไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังพบโปรตีนสไปก์ในกะโหลกศีรษะของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 แต่เสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น แสดงให้เห็นว่าโปรตีนนี้สามารถคงอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน

โควิด

การศึกษาในหนูทดลองยังพบว่า การฉีดโปรตีนสไปก์เพียงอย่างเดียว สามารถกระตุ้นการอักเสบในสมอง (neuroinflammation) เปลี่ยนแปลงโปรตีโอม (proteome) ในแกนกะโหลกศีรษะ-เยื่อหุ้มสมอง-สมอง และก่อให้เกิดพฤติกรรมการวิตกกังวลได้

ที่น่าสนใจคือ การวิเคราะห์น้ำไขสันหลัง (cerebrospinal fluid) ของผู้ป่วยลองโควิด (long COVID) พบระดับของตัวบ่งชี้การเสื่อมของเซลล์ประสาทที่สูงขึ้น เช่น โปรตีนทาว (Tau), นิวโรฟิลาเมนต์ไลต์เชน (neurofilament light chain: NfL), และ glial fibrillary acidic protein:GFAP สิ่งนี้อาจเป็นคำอธิบายสำหรับอาการทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยลองโควิด เช่น อาการสมองล้า หรือความจำเสื่อม

แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยลดการสะสมของโปรตีนสไปก์ในสมองของหนูทดลองที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ไม่สามารถกำจัดได้หมด ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการสะสมของโปรตีนสไปก์บริเวณขอบสมองอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบทางระบบประสาทในระยะยาวของโรคโควิด-19

การศึกษานี้ใช้เทคโนโลยีการทำให้เนื้อเยื่อโปร่งแสงขั้นสูงและการถ่ายภาพ 3 มิติ เพื่อแสดงการกระจายตัวของ SARS-CoV-2 ในตัวอย่างมนุษย์ขนาดใหญ่และร่างกายหนูทั้งตัว วิธีนี้ช่วยให้สามารถวิเคราะห์การแพร่กระจายของไวรัสและโปรตีนสไปก์ในเนื้อเยื่อต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม

โควิด1

อัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึก น่าจะถูกนำมาใช้ในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลภาพจำนวนมากที่ได้จากการสแกนทั้งร่างกาย การผสมผสานเทคนิคการถ่ายภาพล้ำสมัยและปัญญาประดิษฐ์นี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุเนื้อเยื่อที่ SARS-CoV-2 เข้าสู่ทั้งในตัวอย่างมนุษย์และหนู แสดงการสะสมของโปรตีนสไปก์ในแกนกะโหลก-เยื่อหุ้มสมอง-สมอง ติดตามการกระจายตัวของโปรตีนสไปก์ที่ติดฉลากด้วยสารเรืองแสงในอวัยวะต่างๆ ของหนู และตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเนื้อเยื่อและการแสดงออกของโปรตีนที่อาจไม่เห็นชัดด้วยวิธีการถ่ายภาพ 2 มิติแบบดั้งเดิม

เทคนิคการถ่ายภาพ และการวิเคราะห์ขั้นสูงเหล่านี้ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเกี่ยวกับผลกระทบทั่วร่างกายจากการติดเชื้อ SARS-CoV-2 เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั่วร่างกายที่ขยายไปไกลกว่าระบบทางเดินหายใจ ความสามารถในการมองเห็นและวัดปริมาณการคงอยู่ของโปรตีนสไปก์ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะในสมองและบริเวณขอบสมอง มีนัยสำคัญต่อความเข้าใจผลกระทบทางระบบประสาทในระยะยาวของ โควิด-19

งานวิจัยนี้เปิดมุมมองใหม่ในการทำความเข้าใจกลไกการเกิดอาการทางระบบประสาทในผู้ป่วยโควิด-19 และอาจนำไปสู่การพัฒนาแนวทางการป้องกันและรักษาผลกระทบระยะยาวของโรคนี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการวิจัยและหาวิธีป้องกันการสะสมของโปรตีนสไปก์ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo