Politics

‘นายกฯ’ มั่นใจไทยพร้อมเป็นฮับท่องเที่ยว ฟรีวีซ่าดันนักท่องเที่ยวพุ่ง 140%

“นายกรัฐมนตรี” ยืนยันสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น มั่นใจไทยพร้อมเป็นฮับท่องเที่ยว ชี้จากนโยบายฟรีวีซ่า นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 140%

ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อนการเดินทางไปประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมความพร้อมสร้างความเชื่อมั่น และแผนรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season

นายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้กังวลในเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะทุกหน่วยงานมีความพร้อมและเต็มที่ที่จะให้บริการประชาชน แต่ได้กำชับเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ขณะเดียวกันต้องมีการดูแลนักท่องเที่ยวให้เป็นอย่างดี รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานหนัก แต่ในเรื่องของระบบที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี เนื่องจากทุกคนตระหนักดีว่า การท่องเที่ยวถือเป็นหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกฝ่ายต้องเต็มที่อย่างแน่นอน

ส่วนที่พบว่า จุดตรวจคนเข้าเมืองมีปัญหาในเรื่องความล่าช้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ระบบพร้อมขึ้นมาก ได้มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าหากเกิดปัญหามีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้วหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันว่ามีการเตรียมแผนสำรองไว้หมดแล้ว ดังนั้นไม่ต้องห่วง ถือว่าไทยมีความพร้อมที่จะเป็นฮับการบิน และพร้อมที่จะดันการท่องเที่ยวให้เติบโต

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เป้าหมายการท่องเที่ยวในปีนี้ ว่าตัวเลขเติบโตใกล้เคียงกับปี 2019 แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนของเชื้อชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะมีประเทศอินเดียเพิ่มมากขึ้น ผลสืบเนื่องมาจากอดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ทำนโยบายฟรีวีซ่าไว้ ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 140% ในขณะเดียวกันทุกหน่วยงานจะดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทดลองใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric ผ่านเครื่อง Automated border control (ออโต้-เมด-บราเดอร์-คอนโทรล) หรือ เครื่อง ABC ของผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เพื่อทดสอบระบบการให้บริการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. พร้อมสอบถามขั้นตอนการใช้งานและปัญหาที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนาระบบการบริการให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลดังกล่าว ได้เปิดให้บริการสำหรับคนไทยมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้บริการสำหรับชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเฉลี่ยต่อคนผ่านเข้าเครื่อง ABC เพียง 23 วินาทีต่อคนเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความหนาแน่นของผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี โดยทาง สตม.ได้มีการให้บริการทั้งในพื้นที่ขาเข้าและขาออก ทั้ง 3 โซน ทั้งหมด 72 เครื่อง แบ่งเป็นขาเข้า 16 เครื่อง และขาออก 56 เครื่อง

สำหรับขั้นตอนการใช้เครื่องดังกล่าว เพียงผู้โดยสารสแกนหนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และสแกนใบหน้า เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก็สามารถผ่านเครื่อง ABC ไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แต่ผู้โดยสารจะต้องถอดแว่นและหน้ากากอนามัยก่อนสแกนใบหน้าเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและให้การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK