Politics

ไม่ได้ทำสื่อ! ‘ชาญวิทย์’ ยันประกอบแต่ธุรกิจอสังหาฯเท่านั้น

“ชาญวิทย์” ยืดอกรับถือหุ้นจริงแต่ไม่ได้ทำสื่อ ยัน 20 ปีมีรายได้ทางเดียวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลั่นพร้อมพิสูจน์ตัวเองต่อ “กกต.” ถ้าเรียกเข้าชี้แจง

ชายวิทย์ วิภูศิริ 1 e1556773084802

จากกรณีที่นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติ กองอำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายปลอดพระสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค เข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ว่าที่ ส.ส. กรุงเทพ เขตเลือกตั้งที่ 15 และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ถือครองหุ้นสื่อ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

นายชาญวิทย์ยอมรับว่า ตนได้ถือหุ้นใน บริษัท ภัทรเฮาส์แอนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จริง แต่ไม่ได้ประกอบธุรกิจทางด้านสื่อแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทนี้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่การจัดบริคณห์สนธิครอบคลุมถึง 61 ข้อ และมีข้อย่อยอีก อาทิ การประกอบธุรกิจโรงเรียน โรงแรม และสื่อ ซึ่งการประกอบธุรกิจสื่อไม่ใช่จดแล้วดำเนินการได้ทันที ต้องขอใบอนุญาตประกอบด้วย

“การจดบริคณห์สนธิไม่ได้หมายความว่าเราจะไปประกอบธุรกิจสื่อด้วย เพียงแต่จดไว้หากเผื่อกรณีถ้าเราไปดำเนินการทำธุรกิจนั้น จะได้ไม่ต้องไปจดแจ้งอีก แต่ที่ผ่านมาตลอด 20 ปี บริษัทมีรายได้ทางเดียวจากการทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพทย์ ดังนั้น ผมสามารถพิสูจน์ได้”นายชาญวิทย์ กล่าว

ประเด็นนี้ กกต. ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเพื่อให้ไปชี้แจง เนื่องจากเข้าใจว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ กกต. ต้องตรวจสอบ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่มีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบในเรื่องลักษณะเดียวกันอีกหลายพรรคการเมืองกว่า 30 คน ตนถูกยื่นเรื่องหลังๆ ดังนั้นเชื่อว่า กกต. คงจะเรียกให้ชี้แจงหลังจาก 30 กว่าคน ถูกสอบไปแล้ว

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่มีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าว เพราะสามารถชี้แจงได้หมดเนื่องจากไม่มีอะไรซับซ้อน ต่างจากกรณีอื่นเช่นการโอนหุ้น ดังนั้น เมื่อทาง กกต. เรียกมา ก็พร้อมไปชี้แจง

เรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้  นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลสถิติกองอำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย  รับมอบอำนาจจากนายปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรค ได้เข้ายื่นเอกสารพยานหลักฐานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพ เขตเลือกตั้งที่ 15 พรรคพลังประชารัฐ ถือครองหุ้นกิจการหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชน เพราะถือเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 42 (3) ที่ห้ามไม่ให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อ สมัครเป็น ส.ส.

ณรงค์ รุ่งธนวงศ์
ณรงค์ รุ่งธนวงศ์

นายณรงค์ กล่าวว่านายชาญวิทย์ได้ระบุในโบรชัวร์หาเสียง ว่าเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน และจากการตรวจสอบพบว่าถือหุ้นอยู่ในบริษัทดังกล่าว จำนวน 250 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 400 ล้านหุ้น คิดเป็น 62.5% และยังคงเปิดดำเนินกิจการอยู่ อีกทั้ง พบว่านายชาญวิทย์มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าว เนื่องจากการสมัครเป็น ส.ส. ต้องรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติขัดหรือไม่ขัดกับกฎหมาย อีกทั้ง ต้องผ่านมติจากกรรมการบริหารพรรค ก่อนส่งลงสมัครในเขตนั้น แล้วหัวหน้าพรรคถึงออกหนังสือรับรองว่านายชาญวิทย์ไม่มีลักษณะต้องห้าม

จากตรวจสอบจากเว็บไซด์กรมธุรกิจการค้าและพาณิชย์ ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผย ยังมีการถือหุ้นอยู่ ดังนั้น จึงถือว่าพรรคพลังประชารัฐปล่อยปละละเลย เพราะนายชาญวิทย์เป็นถึงกรรมการบริหารพรรค ต้องรู้ดีเรื่องข้อกฎหมายก่อนมาสมัครในวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 ว่ามีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้กลั้นแกล้งแต่อย่างใด การยื่นให้ตรวจสอบเพื่อเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เคารพดุลยพินิจ แต่หากพบว่าเข้าข่ายขอให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคทันที สำหรับเรื่องดังกล่าวได้เคยยื่นเรื่องต่อ กกต. และ กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนแล้ว แต่ยังไม่ทราบผล ดังนั้น จึงขอให้ กกต. เร่งรัดพิจารณาโดยด่วน

ภาพ : เฟซบุ๊กเพจ ชาญวิทย์ วิภูศิริ

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight