Politics

ไม่รอด!! ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ วินิจฉัย ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ คดีล้มล้างการปกครอง

ไม่รอด!! “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” คดีล้มล้างการปกครอง ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ส.ค.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคําร้องกรณีมีหลักฐาน อันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

ยุบพรรคก้าวไกล 7867001

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดํารงตําแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือ เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกําหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.59 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ออกนั่งเพื่ออ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งฝ่ายผู้ร้อง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางมารับฟังด้วยตนเอง โดยสรุปสาระสำคัญคำวินิจฉัยได้ว่า ผู้ถูกร้อง (พรรคก้าวไกล) มีการกระทำต่อเนื่องหลายพฤติการณ์ มีเนื้อหาลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และใช้เป็นนโยบายในการหาเสียง การรณรงค์ การแสดงความคิดเห็นบนเวทีปราศรัยต่างๆ หากปล่อยให้ทำต่อไป ย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครอง จึงถือเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แม้ภายหลังจะมีการนำออกจากเว็บไซต์ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกการกระทำ

การเสนอร่างแก้ประมวลกฎหมายมาตรา 112 มีเนื้อหาลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ถูกร้องร่วมกับ สส.ก้าวไกล เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว และใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง รณรงค์ ปราศรัย มุ่งหวังผลักดัน ถือเป็นการกระทำความผิดโดยอ้อม โดยใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดได้

1176087 1

การกระทำอันเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ย่อมเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การหาเสียงด้วยนโยบายดังกล่าวเป็นการใช้ประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้ง เข้าลักษณะการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ผู้ถูกร้อง และ สส. ร่วมกันเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ลดทอนสถาบัน เป็นนโยบายพรรค และยังเข้าร่วมการปราศรัย เคยแสดงความเห็นให้แก้ไขและยกเลิกหลายครั้ง เจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน เป็นอันตรายต่อความมั่นคง ใช้ประโยชน์สภาบันเพื่อหวังคะแนนเสียงและชนะการเลิกตั้ง ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกโจมตี ติเตียน

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่ 1 และ 2 ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 – 31 มกราคม 2567 เป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง เป็นช่วงที่กระทำความผิด 10 ปี พร้อมห้ามกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าว ไปจดทะเบียนหรือมีส่วนรวมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK