Politics

จดหมายเปิดผนึก จาก ‘สมชาย แสวงการ’ ถึง กกต. จี้ตรวจสอบ คุณสมบัติ สว.

“สมชาย” เขียนจดหมายเปิดผนึก จี้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ สว. ทุกคน โดยเฉพาะ 7 ประเด็นสำคัญ เพื่อความสุจริตเที่ยงธรรม

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.)สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เขียนจดหมายเปิดผนึกโพสต์บนเฟซบุ๊ก เรียกร้อง กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ สว. ทุกคน โดยระบุว่า

คุณสมบัติ สว.

จดหมายเปิดผนึก เรื่อง ข้อเสนอสาธารณะถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของสว. กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน และสวกลุ่มต่าง ๆ ทั้ง 20 กลุ่ม โดยทำการตรวจสอบทบทวนซ้ำใหม่ทั้งหมด แทนการตรวจสอบคุณสมบัติ สว. เพียงบางราย

ด้วยเหตุว่า ยังมีข้อสงสัยว่า สมาชิกบางราย อาจมีปัญหาคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามบางประการ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพรบประกอบรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ดังนี้

1. เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา98(3) เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ หรือไม่

กรณีนี้ต้องตรวจสอบความเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นสื่อมวลชนใด ๆ ของผู้สมัครทุกคนตั้งแต่วันสมัคร มิใช่วันที่ได้รับเลือกหรือวันที่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อ ปปช. เพราะเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามสำคัญของผู้สมัครตามรัฐธรรมนูญ 2560 และตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันทุกองค์กร

2. เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา98(7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้รับโทษมายังไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือไม่

กรณีนี้เท่าที่ทราบมีคดีที่ต้องตรวจสอบอย่างน้อย 2 คดี หรือมากกว่า เช่น คดีทำร้ายร่างกาย หรือจ้างวานฆ่า เป็นต้น ว่าคดีต่าง ๆ นั้น มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่อย่างไร หรือเข้าข่ายต้องห้ามสมัครรับเลือกด้วยหรือไม่

3. เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา108 (3) มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10ปี หรือไม่

กรณีนี้เจตนารมย์และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ชัดเจนว่า ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า10ปี มิใช่แค่มีผู้รับรองเท่านั้น แต่ กกต. ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และหลักฐานอื่นประกอบ เพื่อยืนยันประสบการณ์ดังกล่าวจริงไม่ต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งอาจพบการรับรองเท็จจำนวนมากในหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มประชาสังคม กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น กลุ่มศิลปะวัฒนธรรม บันเทิง กีฬา กลุ่มสื่อมวลชน เป็นต้น

วุฒืสภา 1

4. เป็นบุุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา108 (5) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากการดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก หรือไม่

กรณีนี้มีผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองคือ เคยเป็นผู้อำนวยการพรรคการเมือง และพ้นตำแหน่งมาไม่ถึง 5 ปี เป็นตำแหน่งใดที่มีลักษณะต้องห้ามหรือไม่

หากพบว่าเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามจริง กกต.ต้องเร่งตรวจสอบและเสนอศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว

5. กระทำการผิด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 77(4) หลอกลวง หรือจูงใจให้บุคลลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ฯลฯ ซึ่งนักวิชาการ สื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ติดตามตรวจสอบจนได้ข้อพิจารณาหลายประการแล้ว

กรณีนี้ กกต.จะดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้น และส่งศาลเพื่อดำเนินคดีเมื่อใด

6. กระทำการผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 62 เมื่อ กกต. ประกาศผลการเลือกแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครหรือผู้ใด กระทำการอันเป็นการทุจริต หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น

กรณีนี้ กกต. ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ปรากฎจากสื่อตามที่แนบมานี้ด้วยหรือไม่
เพราะปรากฎข้อสงสัยจากการผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นสื่อมวลชน กลุ่ม 18 ที่ได้จดการขานนับคะแนนกลุ่มดังกล่าวในรอบเลือกตรงวันที่ 26 มิถุนายน 2567 พบข้อพิรุธการจัดตั้งคะแนน blockvote อาจเข้าข่ายการกระทำการอันเป็นการทุจริต ทำให้การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

กกต. มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบ ตามที่ผู้สมัครกลุ่มสื่อมวลชนดังกล่าวยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกกต. แล้ว และกกต. มีรายชื่อและหมายเลขผู้สมัครกลุ่ม 18 ทุกคน เรียงตามลำดับ 1-146 ซึ่งสามารถตรวจสอบผลการลงคะแนนแบบเดียวกัน จากบัตรลงคะแนน blockvote ดังกล่าวได้ หากตรวจสอบแล้วพบว่ากระทำผิดจริง ให้ กกต. ยื่นศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป

7. กระทำการผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา  มาตรา63 หากความปรากฎว่า สมาชิกวุฒิสภาผู้ใดขาดคุณสมบัติตาม มาตรา13 และมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา14 ให้ กกต. ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า

กรณีนี้อาจมีผู้เข้าข่ายดังกล่าวมากกว่า xx ราย ที่ กกต. ต้องเร่งตรวจสอบและเร่งส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะ กกต. เคยประกาศความเชื่อมั่นต่อสังคมในการทำหน้าที่ว่า
ได้ทำหน้าที่ให้การเลือกครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการรับรองไปก่อน สอยทีหลัง

จึงเสนอมาเพื่อโปรดพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจของท่านต่อไป

ขอแสดงความนับถือ

สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1041542480660333&id=100044137734301&ref=embed_post

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo