Politics

‘ศรีสุวรรณ’ จับไต๋ ‘ปิยบุตร’ แจงแทน ‘ธนาธร’ ชี้เข้าข่ายฐานฟอกเงินได้

“ศรีสุวรรณ” ยื่นหลักฐานเพิ่มให้ “กกต.” หลังจับไต๋ “ปิยบุตร” แจงแทน “ธนาธร” กรณีโอนหุ้นสื่อ ชี้เข้าข่ายฐานฟอกเงินได้

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาวินิจฉัยของที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. ต่อกรณีการพบพิรุธจากคำแถลงของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ออกมาแถลงแก้ต่างให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เกี่ยวกับปัญหาของการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด

ศรีสุวรรณ 2 e1556006331416

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายธนาธร ยืนยันมาตลอดว่าโอนหุ้นให้กับ “มารดา” นางสมพร ไปแล้วก่อนสมัครรับเลือกตั้ง และขณะทำนิติกรรมการโอนนั้นอยู่กรุงเทพ แต่ปรากฏข้อมูลจากสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าวันดังกล่าว นายธนาธร ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส. พรรค หาเสียงอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยปรากฏภาพข่าวผ่านเว็บไซต์หลายสำนักข่าว

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา นายปิยบุตร ได้ออกมาแถลงว่า ในวันที่ 8 มกราคมนั้น นายธนาธรได้หาเสียงที่จังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงเช้าและขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนจะขึ้นรถตู้กลับมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อจะมาทำภารกิจในการโอนหุ้น โดยมีหลักฐานเป็นค่าใบเสร็จอีซี่พาส โดยชัดเจนว่านายธนาธร ได้มาถึงกรุงเทพประมาณ 16.00 น.

ทั้งนี้ ข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาสระบุว่าเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง และในวันที่ 8 มกราคม นายธนาธรได้นอนค้างอยู่ที่บ้าน ก่อนที่วันที่ 9 มกราคม นายธนาธร จะเดินทางด้วยเครื่องบินไปทำภารกิจที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในช่วงเช้า ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาส ที่ทางพรรคอนาคตใหม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยสำนักข่าวอิศรานั้น พบว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม ได้มีการใช้บัตรอีซี่พาสขาเข้าที่ด่านธัญบุรี ช่องทางที่ 14

อย่างไรก็ตาม โดยเวลาที่ผ่านด่านเก็บเงินที่ 14.57 น. ขณะที่รายชื่อของเจ้าของบัตรอีซี่พาสดังกล่าวนั้น แม้จะถูกปิดเอาไว้แต่ก็ปรากฏว่ามีไม้หันอากาศ และตัวการันต์เป็นส่วนประกอบของชื่อด้วย จึงไม่ใช่บัตรอีซี่พาสของนายธนาธร นอกจากนั้นการเดินทางจากอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ มายังด่านธัญบุรี ต้องใช้เวลาประมาณ 5.27 ชั่วโมง เพราะมีระยะทางประมาณ 402 กิโลเมตร

“ถ้าหากนำเวลา 14.57 น. ที่นายธนาธรได้เดินทางมาถึง ด่านธัญบุรีไปหักลบด้วยเวลาเดินทาง 5.27 ชั่วโมง ก็จะพบว่านายธนาธรนั้นน่าจะออกจาก อำเภอสตึก ประมาณ 09.30 น. ถึงจะเดินทางมาถึงด่านธัญบุรี ในเวลา 14.57 น.ได้ โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 73 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อนำไปเทียบเคียงกับคำชี้แจงของนายปิยบุตร พบว่าค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก ยกเว้นจะใช้รถแข่ง F1 ซิ่งมาเท่านั้น”

ศรีสุวรรณ 1 e1556006389653

นอกจากนั้น ในคำแถลงของนายปิยบุตรแทนนายธนาธรนั้น สิ่งที่ไม่พูดถึงเลย คือ หลักฐานการโอนเงินค่าซื้อขายหุ้นเข้าบัญชี คือ ไม่มีสเตจเมนท์ธนาคาร เพราะหลักฐานอื่นๆ สามารถทำปลอมได้ทั้งหมด การโอนไปโอนมาระหว่างภรรยาของนายธนาธร ให้กับนางสมพร แม่ของธนาธร และจากนางสมพรไปให้หลานอีก 2 คนนั้น ไม่ปรากฏว่ามีเช็คหรือมีหลักฐานตราสาร รวมทั้งสเตจเมนท์ของธนาคาร มาแสดงให้ดูให้ครบทั้งหมดแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน หลักฐานอีกประการที่ไม่มีการนำมาแสดง คือ หลักฐานการเป็นหนี้ที่นายปิยบุตรแถลงว่าเป็นหนี้สูญ 10 ล้านบาทนั้น เป็นหนี้จริงหรือไม่ มีเอกสารทางบัญชี กำไร-ขาดทุน โดยผู้ตรวจสอบบัญชีมารับรองหรือไม่ มีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วหรือไม่ เพื่อให้เป็นหนี้สูญโดยชอบด้วยกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นายปิยบุตรอ้างว่านางสมพรแม่ของนายธนาธรโอนหุ้นให้ หลาน 2 คน เพราะบริษัทยังมีหนี้อยู่ 10 ล้านบาท ต้องการทวงหนี้ และอยากให้หลาน 2 คนเรียนรู้นั้น เป็นเรื่องที่เลื่อนลอย ไม่ใช่การปฏิบัติทางธุรกิจตามปกติทั่วไป เพราะการทวงหนี้เพียงให้พนักงานบริษัทธรรมดาๆไปทวง ทำหนังสือเรียกให้ชำระหนี้ หรือให้ทนายความยื่นโนติสก็สามารถทำได้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถือหุ้นเป็นคนทวง ดังนั้น ข้ออ้างของนายปิยบุตร จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล หากหลาน 2 คนอยากเรียนรู้การทวงหนี้ ก็แค่ทำหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทรับงานทวงหนี้ไปทำได้เลย รวมทั้งการที่นายปิยบุตรอ้างว่า เมื่อโอนหุ้นให้หลาน 2 คนไปแล้ว ไปทวงหนี้พบว่าหนี้เป็น NPL ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หลานจึงโอนหุ้นกลับให้นางสมพรเพื่อปิดบริษัท ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลทางธุรกิจอีกเช่นกัน

เพราะบรรดาผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่ก็สามารถปิดบริษัทเองได้ และจะสะดวกกว่าเพราะแม่ของธนาธรอายุมากแล้ว และประเด็นทางกฎหมายข้างต้น คือ การจะแทงหนี้สูญ หากเป็นหนี้ก้อนโตจะจำหน่ายหนี้สูญให้ถูกกฎหมายและมาตรฐานทางบัญชี จะต้องฟ้องดำเนินคดีตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 186 (พ.ศ.2534) มิใช่ว่าพอลูกหนี้ผิดชำระหนี้ก็จำหน่ายเป็นหนี้สูญได้ เพราะสรรพากรไม่มีทางเชื่อแน่ หรืออาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาฐานฟอกเงินได้

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight