ศูนย์จีโนมฯ เผยข่าวดี วัคซีนโอไมครอน พัฒนาจากสายพันธุ์ KP.2 เป็นต้นแบบ ประสิทธิผลสูง ครอบคลุมสายพันธุ์ไวรัสหลากหลาย ป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคได้ดียิ่งขึ้น
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่อง วัคซีนโอไมครอน KP.2 นวัตกรรมล้ำหน้าในการต่อสู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ในฤดูกาล 2567/2568
เมื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ SARS-CoV-2 แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์และบริษัทผลิตวัคซีน ต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการป่วย
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปได้ยากคือ การกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วของไวรัส ซึ่งทำให้ไวรัสสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นโดยวัคซีน หรือการติดเชื้อก่อนหน้า
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการพัฒนาวัคซีนที่ใช้โอไมครอน KP.2 เป็นต้นแบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
วัคซีนที่อาศัยโอไมครอน KP.2 เป็นต้นแบบ ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิผลสูงในการต่อสู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัส SARS-CoV-2 โดยเฉพาะ วัคซีนนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มการกลายพันธุ์ที่สำคัญ ในโปรตีนหนามของไวรัส ซึ่งเป็นโปรตีนที่ไวรัสใช้ในการเกาะติดและเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์
การกลายพันธุ์เหล่านี้ ได้แก่ S: R346T, F456L และ V1104L ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถของวัคซีน ในการกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัส
การกลายพันธุ์ V1104L มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความคงตัวของโปรตีนหนาม ซึ่งอาจช่วยให้วัคซีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การกลายพันธุ์นี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีน KP.2 ในการกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีที่มีความจำเพาะต่อไวรัส ทำให้ร่างกายสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การกลายพันธุ์ V1104L ยังอาจช่วยลดความสามารถของไวรัสในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นโดยวัคซีน ทำให้วัคซีน KP.2 สามารถป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลการทดสอบทางพรีคลินิก และการทดสอบในหนู แสดงให้เห็นว่าวัคซีน KP.2 มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพในการต่อต้านสายพันธุ์ไวรัสที่เกิดขึ้นใหม่
วัคซีนนี้ยังมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ในการครอบคลุมสายพันธุ์ไวรัสที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ย่อยที่มีการกลายพันธุ์ต่าง ๆ ทำให้วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ไวรัสที่เปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนรุ่นก่อน ๆ เช่น XBB.1.5 และ JN.1 วัคซีน KP.2 แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เหนือกว่าในการครอบคลุมสายพันธุ์ไวรัส
วัคซีน XBB.1.5 ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับสายพันธุ์ XBB โดยเฉพาะ แต่เมื่อสายพันธุ์ไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ใหม่ ประสิทธิผลของวัคซีนอาจลดลง
ในขณะที่วัคซีน JN.1 มีการปรับปรุงเพื่อต่อสู้กับสายพันธุ์ JN.1 แต่ยังคงมีข้อจำกัดในการตอบสนองต่อการกลายพันธุ์ในบางจุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับปรุงการกลายพันธุ์ที่ V1104L ทำให้วัคซีน KP.2 มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ในการตอบสนองต่อสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งนี้ ทำให้วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคได้ดียิ่งขึ้น
คาดว่าในฤดูกาล 2567/2568 หน่วยงานต่าง ๆ จะเลือกวัคซีนป้องกันโควิด-19 โอไมครอน KP.2 มากกว่าการใช้โอไมครอน JN.1 เป็นต้นแบบ
อีกเหตุผลที่เลือก โอไมครอน KP.2 เป็นต้นแบบในการผลิตวัคซีน เพราะปัจจุบันพบ KP.2 เป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในสหรัฐถึง 22.5% ในขณะที่ JN.1 ลดลงเหลือเพียง 3.1% สะท้อนให้เห็นว่า KP.2 เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางและอาจเป็นภัยคุกคามที่ต้องจับตามองในอนาคต
แม้ว่าในปัจจุบันโอไมครอนKP.3 จะเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในสหรัฐมากที่สุดถึง 25.0% แต่เนื่องจาก KP.3 เพิ่งจะมาระบาดในระยะหลัง และยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกมากนัก จึงยังไม่ได้รับการเลือกใช้เป็นต้นแบบในการผลิตวัคซีนในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเปลี่ยนแปลงไป และมีข้อมูลเพิ่มเติม อาจมีการพิจารณาใช้ KP.3 เป็นต้นแบบในการผลิตวัคซีนในอนาคตได้
ก่อนที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับฤดูกาล 2567/2568 จะถูกนำมาใช้ในวงกว้างอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐ, องค์การอนามัยโลก หรือ สำนักงานยาแห่งยุโรป ซึ่งจะทำการประเมินข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล เพื่อให้แน่ใจว่าวัคซีนมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง
โดยสรุป การเพิ่มการกลายพันธุ์ที่สำคัญ เช่น V1104L ในวัคซีน KP.2 ทำให้วัคซีนมีความสามารถในการกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในการต่อต้านสายพันธุ์ไวรัส SARS-CoV-2 ที่เกิดการกลายพันธุ์ใหม่ ๆ
ประกอบกับข้อมูลการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ทำให้วัคซีนโอไมครอน KP.2 ถูกเลือกเป็นต้นแบบในการผลิตวัคซีน และมีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติใช้เป็นวัคซีนหลักในการป้องกันโควิด-19
สำหรับฤดูกาล 2567/2568 วัคซีนนี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการต่อสู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัส และมีบทบาทสำคัญในการชะลอการแพร่ระบาดของโรคในระดับโลก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ถอน ‘วัคซีนโควิด-19’ ออกจากตลาดทั่วโลก เหตุมีมากเกินความต้องการ
- ด่วน!! สหรัฐถอนการรับรองยาป้องกันโควิด ‘Evusheld’ ของแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว
- วิจัยล่าสุดชี้ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ เข็มบูสเตอร์ ป้องกัน ‘โอไมครอน’ ได้
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg