COVID-19

ระวัง!! โอไมครอน KP.3 สายพันธุ์ใหม่ ระบาดเร็วกว่า KP.2 จ่อแทนที่ JN.1

ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ เผย โอไมครอน KP.2 ครองแชมป์ ขณะที่ โอไมครอน KP.3 ถูกจับตา เติบโตและแพร่ระบาดสูงกว่าโอไมครอน KP.2 พร้อมจะแทนที่ JN.1 ในอนาคตอันใกล้ 

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US CDC) เผยข้อมูลล่าสุด โอไมครอน KP.2 (ลูกพี่ลูกน้องของ KP.3) ครองแชมป์ ขณะที่ KP.3 ถูกจับตาในสหรัฐ เพราะมีความสามารถในการเติบโตและแพร่ระบาดสูงกว่าโอไมครอน KP.2 ประมาณ 1.31 เท่า

โอไมครอน KP.3

ข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US CDC) ล่าสุด ระบุว่าสายพันธุ์หลักของ COVID-19 ที่แพร่หลายในสหรัฐ ในปัจจุบัน 3 อันดับแรกคือ

1. โอไมครอน KP.2 คิดเป็น 24.9% ของผู้ติดเชื้อในสหรัฐ

2. โอไมครอน JN.1 คิดเป็น 22% ของผู้ติดเชื้อในสหรัฐ

3. โอไมครอน JN.1.7 คิดเป็น 13.7% ของผู้ติดเชื้อในสหรัฐ

โอไมครอน

สายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ของโอไมครอน เช่น KQ.1, BA.2 และ GE.1 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐฯ แต่สายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิมได้ลดบทบาทความสำคัญลง และไม่ได้เป็นสายพันธุ์หลักอีกต่อไป

สายพันธุ์โอไมครอนที่เกิดขึ้นในปลายปี 2564 ยังคงวิวัฒนาการต่อเนื่องไปเป็นสายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย สายพันธุ์ย่อยใหม่ล่าสุดอย่างโอไมครอน KP.3 ถูกจับตามองเป็นพิเศษเนื่องจากมีข้อได้เปรียบในการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดหนักในปัจจุบันอย่างโอไมครอน JN.1 และ KP.2

โอไมครอน1 1

จากการวิเคราะห์ลำดับเบสทั้งจีโนมของไวรัสโอไครอน KP.3 โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี พบว่ามีความสามารถในการเติบโตและแพร่ระบาดสูงกว่าโอไมครอน KP.2 ที่ระบาดหนักในสหรัฐอยู่ในปัจจุบันถึง 31% หรือ 1.31 เท่า

อย่างไรก็ตาม โอไมครอนKP.3 กลายพันธุ์ต่างจาก KP.2 เพียงหนึ่งตำแหน่งคือบริเวณโปรตีนหนาม Q493E ในขณะที่โอไมครอน KP.2 กลายพันธุ์ต่างจาก KP.3 หนึ่งตำแหน่งเช่นกันคือบริเวณโปรตีนหนาม R346T

US CDC ย้ำว่าการเฝ้าระวังและศึกษาวิเคราะห์สายพันธุ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องนับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการสาธารณสุขของสหรัฐ และในระดับโลก ซึ่งจะช่วยหน่วยงานสาธารณสุขเตรียมพร้อมรับมือได้ทันการณ์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo