Politics

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนคดีป้าทุบรถ ให้ ‘ผอ.ประเวศ’ จ่ายค่าปรับ 5 พันบาท

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม คดีป้าทุบรถ ที่มีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ผู้อำนวยการ เขตประเวศชำระค่าปรับต่อศาลเป็นเงินจำนวนห้าพันบาท ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่าปรับที่เหมาะสมกับสัดส่วนความรับผิดแล้ว

เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๒ ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี คดีป้าทุบรถ โดยคดีนี้ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (ผู้อำนวยการเขตประเวศ) ชำระค่าปรับต่อศาลเป็นเงินจำนวนห้าพันบาท ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล เนื่องจากมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วน หรือปฏิบัติล่าช้าเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ คส.๓/๒๕๖๒ วินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับแจ้งคำสั่งของศาลที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ อันเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะได้ชี้แจงต่อศาลว่าได้มีการดำเนินการและปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลแล้วก็ตาม

แต่จากรายงานของสำนักบังคับคดีปกครองที่ได้ออกตรวจสถานที่พิพาทหลายครั้งและแจ้งต่อศาลเป็นระยะว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยังคงมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลให้ถูกต้องครบถ้วนและปฏิบัติล่าช้า เช่น ยังคงปรากฏว่ามีการนำสินค้ามาวางจำหน่ายในที่และทางสาธารณะบริเวณโดยรอบบ้านของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่และมีการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในท่อระบายน้ำทำให้เกิดการอุดตันของท่อระบายน้ำ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ต่อศาลว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งดังกล่าวของศาลและการประกอบกิจการตลาดพิพาทยังคงก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด กรณีจึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ปฏิบัติราชการแทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น มิได้ดำเนินการใช้บังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ภายหลังจากเหตุการณ์ในครั้งดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงได้มีการกำหนดมาตรการหรือวิธีการดำเนินการตามลำดับขั้นตอนในการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาอย่างชัดเจน ตลอดจนได้มีการติดตามการดำเนินการในการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จนกระทั่งไม่มีผู้ค้านำสินค้ามาวางจำหน่ายและตั้งวางสิ่งของบริเวณรอบบ้านพักอาศัยของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ละเลยและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้การปฏิบัติตามคำสั่งศาลเป็นไปอย่างถูกต้องนับตั้งแต่เมื่อได้รับแจ้งคำสั่งศาลในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ปัญหาข้อพิพาทต่างๆ ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีโดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ อันจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดพิพาทย่อมไม่เกิดขึ้น ประกอบกับเมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง คือ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ จนถึงวันที่ศาลนัดไต่สวนในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑ นับเป็นระยะเวลากว่า ๔ ปีเศษ ซึ่งเป็นระยะเวลานานพอสมควร

ดังนั้น จึงถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติล่าช้าเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลปกครองย่อมมีอำนาจกำหนดคำบังคับให้ชำระค่าปรับต่อศาลตามจำนวนที่สมควร ครั้งละไม่เกินห้าหมื่นบาท การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ชำระค่าปรับต่อศาลเป็นเงินจำนวนห้าพันบาท โดยให้ชำระภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล จึงเป็นจำนวนเงินค่าปรับที่เหมาะสมกับสัดส่วนความรับผิดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และตามสมควรแก่กรณีแล้ว ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ก็ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระค่าปรับต่อศาล อันถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลถูกต้องครบถ้วนแล้ว ศาลปกครองสูงสุดไม่จำต้องพิจารณาในประเด็นที่ขอให้ระงับการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองกลางอีกต่อไป

ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ชำระค่าปรับต่อศาล เป็นเงินจำนวนห้าพันบาท โดยให้ชำระภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ชำระค่าปรับ ศาลอาจมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๗๕/๔ วรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง

Avatar photo