Politics

‘เรืองไกร’ ไล่ ‘พิธา’ เลิกชิงเก้าอี้นายกฯ

“เรืองไกร” ไล่ “พิธา” เลิกชิงเก้าอี้นายกฯ แนะไปสู้คดี ไม่ใช่แถลงขอโอกาสอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ร้อง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ประเด็นเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวี ให้สัมภาษณ์ภายหลังทราบมติศาลรัฐธรรมนูญ กรณีสั่งให้นายพิธา หยุดปฎิบัติหน้าที่ส.ส.ว่า กรณีของนายพิธา ตนยืนยันในคำร้องและข้อเท็จจริงมาตลอด และเมื่อกกต. มีคำร้องไปศาลก็ต้องรับ ส่วนที่ศาลสั่งก็เป็นเรื่องของดุลพินิจ ซึ่งศาลเห็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับกกต.

เรืองไกร

นายเรืองไกร กล่าวว่า แต่ที่ยังไม่ทราบอีกเรื่องหนึ่งคือ ศาลจะต้องให้นายพิธา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เหมือนกับคดีที่มีการร้อง โดยหลักศาลให้ชี้แจงครั้งที่หนึ่งและสอง ดังนั้น เมื่อคดีนี้มาถึงวันนี้ ที่ประชุมทราบผลคำสั่งศาล นายพิธาก็ต้องเดินออก อยู่ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเทียบกรณีนายพิธาที่ศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่กับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในอดีต ต่างกันอย่างไร นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีนายธนาธรนั้นเป็นบริษัทครอบครัว พยานหลักฐานยังอาจชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ แต่กรณีของนายพิธา เป็นกรณีบริษัทมหาชน ซึ่งจะใช้คำว่าไม่มีการประชุมจริงไม่ได้

เมื่อถามว่ากระบวนการการเสนอชื่อนายพิธาเมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธร ยังทำได้หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า การเสนอชื่อนายพิธา ดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ตนท้วงว่าไม่ควรเสนอได้ เพราะให้อำนาจพิจารณาตาม ม.88, 89 เป็นอำนาจของสภาที่ต้องพิจารณาว่า เมื่อมีการเสนอคำร้อง และกกต. มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ควรจะเห็นแล้วว่าเขาเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ และชี้ให้เห็นแล้วว่าไม่ควรนำมาเข้าสู่กระบวนการของสภาได้

เมื่อถามว่าทำไมบรรทัดฐานตอนนายธนาธร ถึงถูกใช้ได้ ในเมื่อก็ถูกหยุดปฎิบัติหน้าที่ในขณะถูกเสนอชื่อเช่นกัน นายเรืองไกร กล่าวว่า คราวนั้นเป็นการเกิดขึ้นทีหลัง แต่คราวนี้อยู่ระหว่างการโหวตนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายเรืองไกร ระบุหากวันนี้มีการเปิดให้โหวตชื่อนายพิธา ขณะที่มีคำสั่งศาลกรณีสส. ที่เลือกนายพิธาจะ มีการนำชื่อไปยื่นร้องต่อป.ป.ช. ใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็เสี่ยง เพราะตามรัฐธรรมนูญ ม.234 เป็นอำนาจของป.ป.ช.คือ ตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการองค์กรอิสระ ว่าจงใจ ปฏิบัติหรือทุจริตต่อหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรธน. หรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันนี้เป็นอำนาจป.ป.ช.

เมื่อถามว่าถึงอย่างไรในวันนี้ ชื่อของนายพิธาต้องตกไปใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ต้องตก

ผู้สื่อข่าวถามถึงศาลอาญาคดีทุจริต เมื่อวันที่ 18 ก.ค. รับคำร้องที่มีผู้ร้อง 7กกต.จัดเลือกตั้งโดยทุจริต กลั่นแกล้งนายพิธา หากกกต. มีความผิดจะทำอย่างไร นายเรืองไกร กล่าวว่า ไปอ่านพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลฎีกานักการเมืองดูก่อน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเรื่องนี้ โดยผ่านป.ป.ช. เท่านั้น ส่วนศาลอื่นไม่มีอำนาจรับ

เมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีเป็นชื่ออื่น นายเรืองไกรจะเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ตรวจ และความจริงวันนี้น่าจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 3 คน ส่วนนายพิธา ควรแสดงความรับผิดชอบ เมื่อโหวตไม่ได้แล้วก็ไปสู้คดี ไม่ใช่แถลงว่าขอโอกาสอีกครั้ง โหวตแล้วจะโหวตอีก เป็นเรื่องวุฒิภาวะของผู้นำประเทศ

เมื่อถามว่า ในครั้งนี้ถือเป็นผลงานของนายเรืองไกรได้ใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า คงไม่ใช่ผลงานของคนอื่น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo