ครม. สั่ง กทม.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาณการหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมแผนผ่อนชำระเสนอ ครม. แรกรัฐบาลใหม่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. (5 ก.ค. 2566) รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สรุปได้ ดังนี้
1. กรุงเทพมหานคร (กทม.) (พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในขณะนั้น) ยืนยันว่าได้ดำเนินการครบถ้วน และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม. และหลักธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการโครงการฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 ลงวันที่ 11 เม.ย. 2562 เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
2. กทม. (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร) มีแนวทางดำเนินโครงการฯ ดังนี้
2.1) กทม. เห็นพ้องด้วยกับนโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน และทำให้การบริการสาธารณะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation)
จึงเห็นควรสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และงานติดตั้งระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ของโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในกำกับดูแลของ กทม. เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายอื่น ที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ เพื่อให้ค่าโดยสารอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต- สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ที่เป็นส่วนต่อขยายพื้นที่ให้บริการนอกเขต กทม. และยังมีผู้โดยสารไม่มาก
2.2) กทม. เห็นควรที่จะดำเนินการโครงการฯ ตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนมีความรอบคอบ มีการพิจารณาข้อมูลรอบด้านและตรวจสอบได้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในการได้รับการบริการของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
2.3) จากกรณีที่ คณะกรรมการ ดำเนินการโครงการฯ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เจรจากับบริษัทเอกชนไว้ว่า บริษัทฯ จะเป็นผู้รับภาระส่วนต่างค่าเดินรถที่ค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด กทม. จึงได้หยุดชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 4 ปี ก่อให้เกิดภาระต่อเอกชนผู้ให้บริการ รวมถึงมีภาระดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้นกับ กทม. ในอนาคต
การหาข้อยุติตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของ ครม. จะช่วยทำให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ และประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนซึ่งเป็นผู้ใช้บริการสาธารณะ
3. กทม. เห็นควรให้มีการนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ สำหรับการดำเนินโครงการฯ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณ สำหรับค่าก่อสร้างและดอกเบี้ยในอนาคตทั้งหมด
ปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้จากงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ รวมทั้งสิ้น 78,830.86 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มี.ค. 2566) ดังนี้
(1) ค่างานโครงสร้างพื้นฐานและค่าจัดกรรมสิทธิ์ 55,034.70 ล้านบาท
(2) ค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสำหรับเงินกู้โครงสร้างพื้นฐานที่ กทม. ได้จ่ายให้ กค. ตั้งแต่ปี 2562-2565 จำนวน 1,508.93 ล้านบาท
(3) ค่าจ้างงานซื้อขาย พร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ 22,287.23 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร (มท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้เกิดความชัดเจนในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. ความชัดเจนของการดำเนินโครงการ ให้กรุงเทพมหานครหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม ในประเด็นของระบบตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสารการเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทาง และรายละเอียดอื่น ๆ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของกรุงเทพมหานคร ในการรับมอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตามมติ ครม. (26 พ.ย. 2561) และความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมาย
โดยให้ กทม. ประสานงานกับ สงป. ในรายละเอียด รวมทั้งสถานะ หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและภาระหนี้ และการเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติจากการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562
2. สำนักงบประมาณ เห็นว่า กระทรวงมหาดไทย (กทม.) ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประมาณการวงเงินภาระหนี้สิน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทาน (ปี 2572) เปรียบเทียบกับประมาณการ รายได้/สถานะทางการเงินของ กทม. และจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของ ครม. ในโอกาสแรก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กทม. ถกบีทีเอส สางปัญหา ‘สายสีเขียว’ จ่อนำเข้าสภากทม. ครั้งหน้า
- ‘ชัชชาติ’ พร้อมทำงานร่วมรัฐบาลใหม่ จ่อถกปมสายสีเขียว-PM2.5
- ป.ป.ช. แจ้งข้อหา ‘สุขุมพันธุ์-พวก 13 ราย’ ฮั้วประมูลสายสีเขียว