Politics

‘พปชร.’ รอหนังสือ ‘กกต.’ ชี้ชัดขอบเขตหาเสียง ‘บิ๊กตู่’

“สนธิรัตน์” รอหนังสือ “กกต.” แจงรายละเอียด “ประยุทธ์” ช่วยหาเสียงได้แค่ไหน เมินกลุ่มวิจารณ์ พร้อมปัดลอกนโยบาย “เพื่อไทย”

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน, นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง, นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำภาคอีสาน, น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 เขต ของจังหวัดสุรินทร์ ได้ร่วมกันสักการะอนุสาวรีย์เจ้าเมืองพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง(ปุม) ผู้สร้างเมืองสุรินทร์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะร่วมกันโบกธงปล่อยขบวนรถหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ไปตามจุดต่างๆในแต่ละเขตของ จ.สุรินทร์

พปชร2

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุญาตให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงได้นั้น ส่วนตัวเพิ่งทราบ โดยพรรคต้องรอหนังสือจาก กกต.อย่างเป็นทางการ ว่ารูปแบบที่จะให้ พล อ.ประยุทธ์หาเสียงมีรายละเอียดเป็นอย่างไร พรรคจะหารือกันเร็วๆนี้ เพื่อวางแผนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาช่วยพรรคได้อย่างไร ยิ่งเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง

“พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนของประชาชนอยู่แล้ว หากมาช่วยพรรคหาเสียง ก็เชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคเป็นอย่างยิ่ง แต่พรรคจะดำเนินการให้รอบคอบ ตรงความต้องการของประชาชนและหมาะสมทั้งข้อกฎหมายและเหมาะสมทางการเมือง” นายสนธิรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จะมาช่วยหาเสียงหรือไม่ ที่ผ่านมามีการโจมตีกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง แต่คิดว่าทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบกติกา และหลักการ

พปชร4

เมื่อถามว่า ขณะนี้หลายพรรคโจมตี การปราศรัยที่จังหวัดสมุทรปราการซึ่งปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคายและสร้างความขัดแย้งซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะมีคำพูดแค่ประโยคเดียว ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกว่าตนเองเยอะ การปราศัยดังกล่าเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีเจตนาสร้างความคึกคักให้ประชาชนที่มาฟังปราศรัย ไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้งหรือมีนัยยะใดๆ

ทั้งนี้ หากฟังโดยภาพรวมก็จะเข้าใจ และยืนยันว่าการปราศรัยของผมไม่ได้ใช้วาจาหยาบคายและระมัดระวังการใช้วาจาในการสร้างความขัดแย้ง เพราะวัตถุประสงค์ในการปราศรัยเพื่อชี้แจงต่อประชาชนเกี่ยวกับนโยบาย และเหตุใดต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นในแต่ละพื้นที่ก็จะมีบริบทและรูปแบบการปราศัยที่แตกต่างกันไป

ส่วนที่มีการวิจารณ์นโยบายเรื่องข้าวของพรรคว่าลอกเลียนแบบนโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการสร้างความเข้าใจผิดครั้งใหญ่มาก ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะนโยบายของพลังประชารัฐ คือ ชะลอการขาย เพื่อให้ผลผลิตของชาวนาไม่ถูกกดราคา กลไกที่พักใช้ไม่ได้แทรกแซงราคาตลาด ไม่มีการทำราคาชี้นำตลาด เป็นการเอาราคาตลาดย้อนหลัง 3 ปี เป็นตัวตั้ง เพื่อเข้าไปดูเรื่องโครงสร้างราคา และสินเชื่อชะลอก็เป็นสินเชื่อที่ราคาต่ำกว่าตลาดด้วยซ้ำไป ดังนั้น การที่บอกว่าพรรคไปลอกนโยบายจำนำข้าวถือเป็นการสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ขอยืนยันว่าจะผลักดันราคาข้าวให้สูงถึง 18,000 บาท

ส่วนกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำภาคอีสานเสนอให้ช่วยค่าปลูกข้าวเพิ่มเติม ไร่ละ 1,500 บาท จำนวน 20 ไร่ รวม 30,000 บาท จากเดิม ที่พรรคออกนโยบาย ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ พรรคจะนำประเด็นนี้ไปรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และจากนั้นจะนำเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายของพรรค ส่วนจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่นั้น พรรคจะดูนโยบายว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำได้จริงหรือไม่ นี่คือจุดยืนในการนำเสนอนโยบายของพรรค

พปชร1

ด้านนายสุริยะ กล่าวถึงความมั่นใจในการลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดสุรินทร์ ว่า ตนได้ให้บริษัทจัดทำโพลสำรวจความเห็นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ทั้งหมด 7 เขต เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยพบว่าพรรคพลังประชารัฐ จะได้ ส.ส. ทั้งหมด 7 ที่นั่ง ส่วนสาเหตุที่ประชาชนชอบพรรคก็เรื่องของราคาข้าว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ทำราคาได้สูงขนาดนี้ คือ 18,000 บาท รวมไปถึงเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ทำให้ชาวจังหวัดสุรินทร์ได้เงินไปใช้สอย ดังนั้น ประชาชนจึงมั่นใจว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลก็จะสามารถสานต่อ และผลักดันเรื่อง ต่างๆเพื่อแก้ปัญหาปากท้องได้สำเร็จ

ส่วนผลโพลเชื่อถือได้ใช่หรือไม่เนื่องจากสำนักอื่นๆ ก็มีผลสำรวจที่แตกต่างออกไป ก็อาจเป็นของจังหวัดอื่น แต่ที่จังหวัดสุรินทร์ตนดูมาอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าได้ 7 ที่นั่ง ประกอบกับต้นได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนก็พบว่าสอดคล้องกับผลโพลที่ตนเองได้รับทราบข้อมูลมา

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า รูปแบบการปราศรัยและหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายหรือสร้างความขัดแย้ง รวมถึงใช้เกมใต้ดินหรือใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรค พลังประชารัฐ อย่างที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน เพราะยุคสมัยนี้หากเรายังไปใช้อำนาจรัฐ ก็จะถูกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจับจ้อง ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับพรรคพลังประชารัฐ

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK