Politics

‘เรืองไกร’ บุก กกต.ให้ถ้อยคำเพิ่ม สอบปม ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ

“เรืองไกร” บุก กกต.ให้ถ้อยคำเพิ่ม สอบปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อ กกต.กรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกระทำผิดขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมขอให้ตรวจสอบนายพิธา ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) มาตั้งแต่การสมัครรับเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่ โดยนายเรืองไกร ได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2563 ที่วินิจฉัยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด และบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่นจำกัด มีความผิดตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง และคำวินิจฉัย กกต.ครั้งที่ 1/2564, 2/2564, 3/2564 และ 9/2564 มายื่นประกอบด้วย

เรืองไกร

ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยืนยันว่า ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นผู้ตรวจสอบนักกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง ตนเองจำเป็นต้องขอให้ กกต.ย้อนตรวจสอบนายพิธา ว่าสิ้นสมาชิกภาพหรือไม่ โดยอ้างอิงแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.ส่วนกรณีที่ระบุว่าหากนายพิธาขายหุ้นทั้งหมดก็พ้นผิด เป็นกรณีที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด หากมีความผิดก็ต้องผิดตั้งแต่วันที่สมัคร จะแก้ด้วยการโอนหุ้นเพื่อพ้นผิดไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยแบบไม่เข้าใจกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (...) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ..2566 ครอบคลุมถึงบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย แม้จะได้ถึง 376 เสียง ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ ต่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะร้อง ซึ่งอาจจะพ้นทั้งคณะรัฐมนตรี กกต.จำเป็นต้องเร่งรัดตรวจสอบ

ส่วนที่หลายคนมองว่าประเทศกำลังเดินหน้า เหตุใดจึงถึงมาร้องเช่นนี้ นายเรืองไกร กล่าวว่า ประเทศก็เดินหน้าไป คนกระทำความผิดหรือเข้าข่ายถูกตรวจสอบ ก็ต้องทำ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo