General

แม่น้องแมงปอ เจอภาษีย้อนหลัง 12 ล้าน อึ้งรายได้ 3 ปี 80 ล้าน

แม่น้องแมงปอ โอดเจอภาษีย้อนหลัง 12 ล้าน สรรพากรตรวจพบมีรายได้ 80 ล้าน ยอมรับผิดทุกอย่าง ยินดีจ่ายภาษี แต่ขอละเว้นค่าปรับ

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับ “แม่น้อง” คุณแม่ของน้องแมงปอที่ป่วยติดเตียง แม่ต้องไลฟ์สดขายของหาเงินมาดูแลลูก 2 คนที่เป็นผู้ป่วย ต่อมาถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 3 ปี เป็นเงิน 12 ล้านบาท จนต้องร่ำไห้กลางไลฟ์ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย โดยได้ นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกสรรพากรมาร่วมพูดคุยในรายการ

แม่น้องแมงปอ

แม่น้องเล่าว่า เริ่มมาขายของตั้งแต่ปี 61 โดยตอนนั้นอาศัยไปรับพวกน้ำพริกมาขาย ยังไม่ได้ทำเอง ตอนนั้นรายได้ไม่เกินเกณฑ์ภาษี แต่พอปี 63 เริ่มมาทำของขายเอง พวกขนมปั้นสิบ น้ำพริกต่างๆ ยอมรับว่าแม่ผิดเองที่ไม่เคยมาจัดการเรื่องภาษีเลย ไม่ได้เสียภาษีประจำปี ที่สำคัญคือไม่ได้ทำบัญชีไว้เลย ว่าการค้าขายของแม่มีต้นทุนเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ ทำให้มาโดนภาษีย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 63-65 ทางสรรพากรประเมินรายได้แม่อยู่ที่ 80 ล้าน โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 12 ล้านบาท ซึ่งจริงๆ รายรับของแม่ไม่ได้มากมายขนาดนั้น มันเป็นการโยกเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งเฉยๆ

แม่บอกว่า แม่ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เงินเก็บยังมีไม่ถึงล้านเลย ขายของได้เงินมาก็เอาไปดูแลลูกที่ป่วยติดเตียง 2 คน ก่อนหน้านี้ต้องดูแลแม่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป รวมผู้ป่วย 3 ชีวิตที่ดูแลมาตลอดหลายปี ยอมรับผิดทุกอย่างว่าแม่เองก็ผิดพลาดที่ไม่ได้จ่ายภาษีตามกฎหมาย เพราะไม่มีความรู้จริงๆ อาศัยไลฟ์สดขายของตามมีตามเกิด

แม่เผยอีกว่า เพิ่งซื้อที่ดินกับบ้านอีกหลังเมื่อเร็วๆ นี้ ตั้งใจเอาไว้เปิดร้านกาแฟ เอาไว้ขายขนมตอนที่แม่แก่กว่านี้แล้วไลฟ์สดขายของไม่ได้ จะได้หาเงินมารักษาลูกๆ ซึ่งทั้งบ้านหลังเก่าที่เป็นทาวน์เฮาส์ และบ้านใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ก็เอาไปจำนองทั้งสองที่ เอาเงินออกมาทำทุนขายของ

แม่น้องบอกว่า หลังเกิดเรื่อง แม่ก็เครียดเพราะไม่มีเงินมาจ่ายมากมายขนาดนั้น ขอเป็นการผ่อนชำระได้ไหม แล้วหลังจากนี้จะจ่ายภาษีตามกฎหมายให้ถูกต้องทุกอย่าง ส่วนกรณีค่าปรับ มีความเป็นไปได้ไหมที่จะงดเว้นค่าปรับด้วย

แม่น้องแมงปอ

ขณะที่ นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกสรรพากร ชี้แจงว่า กฎหมายเรื่องของการเสียภาษีสำหรับคนที่ค้าขาย ไม่ว่าจะออนไลน์ หรือออฟไลน์ ก็ใช้กฎหมายเดียวกันบังคับใช้กับทุกๆ คนในประเทศ คือต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีสำหรับการค้าขาย ซึ่งทั้งสองส่วนมีการให้ลดหย่อนได้ตามหลักเกณฑ์ ในส่วนของกิจการร้านค้าก็ให้หักลดหย่อนต้นทุนได้ โดยถ้าจะหักต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ผู้ประกอบการต้องเก็บหลักฐาน ทำบัญชีไว้ แล้วรวมหลักฐานส่งมา แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้เก็บหลักฐานไว้เลย ก็สามารถลดหย่อนแบบเหมาได้ แต่กฎหมายกำหนดว่ากรณีไม่มีหลักฐาน จะลดหย่อนต้นทุนได้แค่ 60% ไม่เกินนี้

สำหรับกรณีเรื่องของค่าปรับภาษีย้อนหลัง ที่คิด 7% จากรายรับ ต้องบวกค่าปรับไปอีก 2 เท่า ซึ่งในกรณีที่เข้ามาเจรจา มาติดต่อขอชำระภาษีย้อนหลัง ทางสรรพกรก็มีแนวทางที่พอจะงดเว้นค่าปรับตรงนี้ได้อยู่เช่นกัน ส่วนกรณีที่คุณแม่บอกว่าขอผ่อนจ่ายนั้น ก็ทำได้ แต่การผ่อนจ่ายก็จะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกเช่นกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo