กรมการแพทย์ปรับแนวทางรักษาโควิด ผู้ป่วยปอดอุดกั้น-หัวใจ-เบาหวาน เข้าถึงยาต้านไวรัสง่ายขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เป็นตัวเลือกรักษากลุ่มนี้ คาดประกาศใช้วันนี้ 30 พ.ย.65
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ ในระยะ 2 ขึ้นไป
- โรคหัวใจและหลอดเลือด Class 2 ขึ้นไป
- โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ปรับเป็นไม่มีระยะของโรคและเป็นโรคเบาหวานธรรมดา แพทย์สามารถให้ยาตามดุลยพินิจได้
สำหรับการให้ยาต้านไวรัสในกลุ่มนี้ ได้เพิ่มภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เข้ามาด้วย ซึ่งอาจให้ LAAB ตัวเดียวหรือให้ร่วมกับยาต้านไวรัสตัวอื่นก็ได้ตามอาการหรือตามดุลยพินิจของแพทย์
นอกจากนี้ ยังปรับคำแนะนำการให้ยา โดยแพกซ์โลวิดควรเริ่มภายใน 5 วัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ให้ยา 5 วัน 10 โดส เรมดิซิเวียร์ ควรเริ่มใน 5 วันตั้งแต่มีอาการ ให้ 3 วัน 3 โดส LAAB ควรเริ่มใน 7 วันตั้งแต่มีอาการให้ 1 โดส และโมลนูพิราเวียร์ควรเริ่มใน 5 วันตั้งแต่มีอาการ จำนวน 5 วัน 10 โดส
สำหรับสถานการณ์โควิด กรณีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่มากกว่า 70% เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีหรือรับวัคซีนน้อยกว่าเข็ม 3 และเข็มสุดท้ายนานเกิน 3 เดือน และบางส่วนมีอาการแล้วไม่ได้สังเกตหรือไม่ได้ตรวจ คิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น หากมีไข้สูงลอย ไอมาก เริ่มหอบเหนื่อย ควรรีบมาโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับไม่ครบอาการจะเปลี่ยนแปลงเร็วจึงขอให้รับมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและดูแลรักษาได้ทันท่วงที
ส่วนสถานการณ์เตียงโควิดขณะนี้ ได้คืนเตียงไปดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ แล้ว เหลือเตียงดูแลเฉพาะโควิด 7,564 เตียง ใช้ประมาณ 1,168 เตียง หรือใช้ 19.4% เฉพาะเตียงระดับ 2-3 ที่ดูแลกลุ่มปานกลางถึงรุนแรงใช้ประมาณ 35% แม้ช่วงปีใหม่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าผู้ป่วยอาการรุนแรงจะเพิ่มขึ้นไม่มาก ประเมินว่าการใช้เตียงจนถึงปีใหม่นี้อาจจะไม่ถึง 50%
- กทม. รับมือโควิดขาขึ้น เปิดศูนย์ฉีดวัคซีน-จุดตรวจรักษาโควิด-19 ที่ไหน เมื่อไร เช็กเลย
- ระวัง!! ‘หมอธีระ’ เตือน ‘โควิด’ ระลอกนี้ไม่เล็ก เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด่วน!
- ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ กับการตรวจ ATK ‘หมอยง’ บอกวิธีตรวจแบบไหนได้ผลดีกว่า