เปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘BuddyThai’ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ‘โดนบูลลี่’ เข้าถึงการปรึกษานักจิตวิทยา ลดซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย
กรมสุขภาพจิต กรุงเทพมหานคร TTA Group จับมือเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘BuddyThai’ มุ่งช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่โดนบูลลี่ ตั้งเป้าลดสถิติเยาวชนคิดฆ่าตัวตาย เพิ่มทักษะปกป้องตนเองของเด็กและเยาวชน
ว่ากันว่าประเทศไทยติดอันดับ 2 ในโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีการบูลลี่มากที่สุด โดยเฉพาะในยุคไซเบอร์ ที่ทุกคนมีอิสระในการเสพสื่อและแสดงความคิดเห็น โดยอาจไม่เคยคิดว่าพฤติกรรมของเรา 0tสร้างผลกระทบทางจิตใจและทางกายแก่บุคคลอื่นอย่างไร
บูลลี่ไม่ใช่แค่เจ็บกาย แต่ฝังรากลึกที่จิตใจ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการบูลลี่กันในกลุ่มเด็กและเยาวชน เป็นปัญหาสำคัญที่ถูกมองข้าม และยังไม่มีใครลุกขึ้นมารณรงค์แก้ไขกันอย่างจริงจัง การบูลลี่ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องร่างกายที่บาดเจ็บ แต่เป็นปัญหาทางด้านจิตใจจนฝังรากลึกมากกว่า
หลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์การกลั่นแกล้งต่าง ๆ ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น มีข่าวเด็กและเยาวชนเครียด เป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตาย ให้ได้ยินบ่อยครั้ง TTA Group จึงได้ร่วมกับทางกรมสุขภาพจิต ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน BuddyThai ขึ้นมาเพื่อมุ่งช่วยเหลือเด็กและเยาวชนไทยที่โดนบูลลี่โดยเฉพาะ
นพ.ดุสิต ลิขนะพิชิตกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า การมีแอปพลิเคชัน Buddy Thai ที่สามารถใช้เป็นช่องทางการขอความช่วยเหลือ และบันทึกสถานะอารมณ์ของเด็ก ๆ ได้นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต สามารถให้ความช่วยเหลือเด็กที่ต้องการเชิงรุก และนำไปสู่การลดปัญหาการบูลลี่ และผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคตได้
จุดเด่นของ Buddy Thai
แอปพลิเคชัน Buddy Thai มีจุดเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
1.มีปุ่มขอคำปรึกษากับนักจิตวิทยาได้โดยตรง เพื่อให้ เด็กและเยาวชน สามารถกดปุ่มนี้เพื่อติดต่อถึงสายด่วน 1323 ของกรมสุขภาพจิต หรือเลือกแชทกับนักจิตวิทยาผ่าน Facebook ของกรมสุขภาพจิต, ผ่านนักจิตวิทยาและอาสา LoveCare Station ของมูลนิธิแพธทูเฮลท์ และผ่าน Facebook ของ Buddy Thai App ก็ได้เช่นกัน
2.มีแบบประเมินตนเอง ด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) รวมถึงมีชุดความรู้และแบบฝึกหัดทักษะการใช้ชีวิต ที่จะทำให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ว่าจะต้องรับมือกับสถานการณ์ในชีวิตอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อโดนบูลลี่ พร้อมมีคำแนะนำดีๆ จากนักจิตวิทยาที่เชื่อถือได้
3.มีระบบบันทึกข้อมูลอารมณ์ในแต่ละวัน เด็กและเยาวชนสามารถเข้ามาบันทึกอารมณ์ของตัวเองได้ทุกวันและวันละหลายๆ ครั้ง และใส่เหตุผลได้ด้วย ข้อมูลอารมณ์จะบันทึกเป็นสถิติรายสัปดาห์และรายเดือน ทำให้เด็กและเยาวชนเช็คได้ว่า ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ตนเองมีอารมณ์หนักไปทางด้านใด เพราะอะไร โดยมีเทคนิคการจัดการอารมณ์ให้เด็กอ่านด้วยตนเอง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ตรีนุช’ สั่งเช็กรายชื่อ ทำ ‘บัญชีกลุ่มเสี่ยง’ นักเรียน นักศึกษาตีกัน ส่งให้ตำรวจติดตามพฤติกรรม
- แก้ปัญหา ‘นักศึกษาตีกัน’ อาชีวะใช้ ‘หลัก 3 ป.’ ยกระดับความปลอดภัยสถานศึกษา
- ดันยกเลิก ‘ความผิดทางอาญา’ จาก ‘เช็คเด้ง’ เข้าสภาวาระเร่งด่วน สร้างความเป็นธรรมให้ลูกหนี้