General

กอนช. เร่งบริหารจัดการน้ำ ช่วยประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเร็วขึ้น 1-2 สัปดาห์

กอนช. เร่งบริหารจัดการน้ำ ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ เขื่อนเจ้าพระยา ช่วยประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเร็วขึ้น 1-2 สัปดาห์ 

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ภายใต้ กอนช. มีการติดตามสถานการณ์น้ำและหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ประชาชนท้ายเขื่อน

ล่าสุดขณะนี้ มีการปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากเดิม 110 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงเหลือในอัตรา 70 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

นอกจากนี้ ที่ประชุมวานนี้ (28 ต.ค. 65) มีมติให้ กรมชลประทาน พิจารณาเร่งการระบายน้ำออกจากทุ่งฝั่งตะวันตกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ในห้วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลลดลงต่ำสุด และระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาต่ำกว่าระดับน้ำในทุ่ง

พร้อมทั้งให้กรมชลประทานพิจารณารับน้ำเข้าทางฝั่งตะวันออกเพิ่มขึ้น เพื่อแบ่งเบาปริมาณน้ำฝั่งตะวันตก เช่น ปรับเพิ่มการรับน้ำเข้าผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์ สู่คลองชัยนาท-ป่าสัก และรับน้ำเข้าสู่คลองระพีพัฒน์เพิ่ม

เขื่อนป่าสัก 1

ขณะเดียวกัน ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการรับน้ำเพิ่มทางประตูระบายน้ำบางแก้ว และประตูระบายน้ำลพบุรี และลดระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้เร็วขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์

ปัจจุบันได้มีการเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ประตูระบายน้ำสิงหนาท2 จำนวน 2 เครื่อง สถานีสูบน้ำพระยาบันลือ อีกจำนวน 2 เครื่อง รวมทั้งเร่งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม 32 เครื่อง โดยมีแผนติดตั้งที่สถานีสูบน้ำพระพิมล จำนวน 3 เครื่อง สถานีสูบน้ำคลองโยง จำนวน 3 เครื่อง และสถานีสูบน้ำบางภาษี จำนวน 2 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ด จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สุพรรณบุรี

ขณะที่ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มเติม และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดการขยะและน้ำเน่าเสีย

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล 2
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล

สำหรับสถานการณ์ของลุ่มน้ำชี-มูล จากการรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำของ จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเดชอุดม นาจะหลวย น้ำยืน ทุ่งศรีอุดม น้ำขุ่น ม่วงสามสิบ ตระการพืชผล เหล่าเสือโก้ก นาเยีย สิรินธร บุณฑริก กุดข้าวปุ้น และโขงเจียม

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมอีก 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ ดอนมดแดง ตาลสุม และเขื่องใน

ส่วนพื้นที่การเกษตรและเส้นทางคมนาคมสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย สามารถใช้เส้นทางในการสัญจรได้ในบางเส้นทาง รวมถึงประชาชนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้านเรือนแล้ว ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เร่งเข้าดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo