“บุหรี่”เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเรื้อรังหลายระบบของร่ายกายอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง ทั้งเกิดกับผู้สูบเอง และคนรอบข้าง แถมควันบุหรี่ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุของมลพิษทางอากาศ มีแต่โทษอย่างนี้ สถาบันบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จึงออกมาตอกย้ำถึงพิษภัยของบุหรี่ และให้คำแนะนำ 8 เทคนิคการเลิกสูบบุหรี่ด้วยตนเองที่ไม่ยาก หากผู้สูบตั้งใจเลิกบุหรี่เด็ดขาด พร้อมให้สายด่วน 1165 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในบุหรี่มีสารพิษอยู่มากมาย เช่น ฟอร์มาลีน ดีดีที ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ สารตะกั่ว เป็นต้น โดยมีสารที่ทำให้เกิดการเสพติด คือ นิโคติน เมื่อสูดควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย นิโคตินจะถูกดูดซึมผ่านผนังเซลล์ทางเดินหายใจเข้าสู่กระแสเลือด
ผลก็คือจะออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมองอย่างรวดเร็วภายใน 6 วินาทีหลังสูบ โดยจะเข้าไปกระตุ้นประสาทส่วนกลาง ให้เกิดการหลั่งสารสื่อประสาท ทำให้ผู้สูบบุหรี่เกิดความพึงพอใจ ซึ่งเป็นกลไกการติดแบบเดียวกันกับยาเสพติดอื่นๆ
บุหรี่เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาวะทั้งในระดับบุคคล ชุมชน สังคม และประเทศชาติ เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเรื้อรังในหลายระบบของร่างกาย ที่สำคัญ ก็คือ
- โรคถุงลมโป่งพอง
- โรคมะเร็งปอด
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
สำหรับผู้หญิงที่สูบบุหรี่ในช่วงตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงต่อการแท้งลูกด้วย ทั้งนี้การสูบบุหรี่ยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืด เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้ถึง 2 เท่า และยังทำลายสุขภาพทารกในครรภ์ ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าปกติ
นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลิกบุหรี่มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับการติดนิโคติน และความตั้งใจที่จะเลิก
วิธีการเลิกบุหรี่ มีทั้งการรักษาด้วยบุคลากรวิชาชีพสุขภาพ โดยให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลร่วมกับใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่ เช่น หมากฝรั่งนิโคติน แผ่นแปะนิโคติน ตลอดจนยารับประทาน
ส่วนผู้ที่ติดบุหรี่ยังไม่ถึงระดับการติดนิโคติน สามารถเลิกได้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้
1.วางเป้าหมาย และเตรียมตัวให้พร้อมในการเลิกบุหรี่ โดยต้องกำหนดวันที่จะเลิกสูบบุหรี่
2. ทิ้งบุหรี่ และที่เขี่ยบุหรี่ให้พ้นสายตา
3. หายใจ ลึกๆ ช้าๆ ติดต่อกัน ต่อเนื่องประมาณ 5 นาทีทุกวัน
4. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำจะทำให้รู้สึกสบาย และช่วยกำจัดนิโคตินออกจากร่างกาย
5. เลือกรับประทานอาหารที่ถูกโภชนาการครบทุกหมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ควรรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงแทน
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จให้รีบลุกออกทันที และหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่เคยสูบบุหรี่จะติดนิสัยเคยชินในการสูบบุหรี่หลังจากการรับประทานอาหาร
6. อาบน้ำ หรือแช่น้ำอุ่นประมาณ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นใช้น้ำเย็นราดตามตัว จะทำให้ร่างกายสดชื่น และไม่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากสูบบุหรี่
7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ หรือสถานที่เคยไปเป็นประจำทุกวัน
8. ห้ามใจอ่อนกับตัวเองเป็นอันขาด
การเลิกด้วยตัวเองไม่ยากหากรักตัวเอง และรักผู้อื่นมากพอ แต่ถ้าประสบปัญหาเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ หน่วยงานรัฐพร้อมให้การช่วยเหลือ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165 หรือ ที่สถาบันบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmindat.go.th