“หมอยง” ชี้เร็วไปที่จะสรุปชื่อ ฝีดาษวานร ว่า “Clade” เพราะเป็นชื่อเรียกสายพันธุ์ย่อย ไม่ใช่ชื่อโรค คาดชื่อโรคขึ้นต้นด้วย “P”
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง ฝีดาษวานร ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าองค์การอนามัยโลกตั้งชื่อว่า Clade โดยระบุว่า
คำว่า “เคลด” มาจากภาษาอังกฤษว่า Clade ตามความหมายแล้วแปลว่ากลุ่มย่อย เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A H1N1 ก็จะแบ่งกลุ่มย่อยเป็น clade ต่าง ๆ
ไวรัสตับอักเสบซี ก็เช่นเดียวกัน เมื่อแบ่งสายพันธุ์ตาม genotype แล้วกลุ่มย่อยก็จะเป็น clade ต่าง ๆ โดยจะใช้ตัวอักษรและตัวเลข เช่น 1a, 1b หรือ A1, B1, B2
ฝีดาษวานรก็เช่นเดียวกัน ถ้าแบ่งกลุ่มย่อย (clade) จะเป็นสายพันธุ์แอฟริกากลางกับ แอฟริกาตะวันตก องค์การอนามัยโลกเองืไม่อยากให้ใช้คำว่าแอฟริกามากกว่า เลยใช้คำว่า clade A, clade B ที่จริงก็ใช้อยู่แล้ว
การตั้งชื่อไวรัสโควิด คือ SARS CoV-2 แต่ชื่อโรค ใช้คำว่าโควิด-19 (COVID-19) ที่มาจากคำว่า Coronavirus disease โดยถอดคำ Co-Vi-D มาจาก Corona Virus Disease ชื่อยังเห็นเค้าโครงของโรค และเติมเลข 19 เพราะพบครั้งแรกในปี 2019 ซึ่งในอนาคตอาจจะมีโรคที่คล้ายกันก็ใส่ตัวเลขที่ต่างกัน
การตั้งชื่อโรค แต่เดิมใช้ชื่อบุคคลที่ค้นพบ ใช้ชื่อสถานที่ เช่น ไข้หวัดใหญ่สเปน ใช้ชื่อโฮสต์ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และเพื่อไม่ให้เป็นตราบาป หรือความน่ารังเกียจ โรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น จึงจะไม่มีการใช้ชื่อดังกล่าว และมากำหนดคำให้เหมาะสม
ฝีดาษวานรก็เช่นเดียวกัน เกิดจากไวรัสในกลุ่ม POX ชื่อโรคนี้น่าจะต้องขึ้นต้นด้วยตัว P มากกว่าที่จะไปตั้งชื่อเป็น clade ที่หมายถึงกลุ่มย่อยของไวรัสแต่ละชนิด คอยติดตามดูต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หมอยง เผย ‘ลองโควิด’ เป็นอาการทางจิตใจ มากกว่า ทางร่างกาย
- เผยผู้ป่วย ‘ฝีดาษลิง’ รายที่ 5 เป็นหญิง อายุ 25 ปี มีประวัติเปลี่ยนคู่นอน คัดกรองได้ที่สนามบิน
- ‘ฝีดาษลิง’ หรือเมืองไทย จะไม่รอด จากโรคประจำถิ่น?