General

‘สหประชาชาติ’ ยอมรับประโยชน์ ‘กัญชา’ ถอดชื่อจาก ‘บัญชียาเสพติด’

“ปานเทพ” เผย คณะกรรมการยาเสพติด “สหประชาชาติ” ลงมติรับทราบคุณประโยชน์ในการบำบัดรักษา ถอน “กัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว

วันนี้ (17 ก.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกและกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…. ได้ออกมาโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุข้อความว่า

เนื่องด้วยมีความเห็นจากประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าใจผิด จนมีข้อสงสัยว่า ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของสมาชิกรัฐสภา ในการถอดกัญชาออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติดก็ดี หรือการที่คณะกรรมการยาเสพติด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดลงมติถอดกัญชา (รวมถึง ช่อดอก) ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ และคงเหลือเอาไว้เฉพาะ “สารสกัด” ที่มี THC (สารที่ทำให้เมา) เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนักเป็นยาเสพติดต่อไป แต่ยังคงให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และทางวิทยาศาสตร์ก็ดีนั้น เป็นการดำเนินการตามอำเภอใจหรือไม่ และไม่เป็นที่ยอมรับของสหประชาชาติหรือไม่

กัญชา

เนื่องจากความสับสนในเรื่องดังกล่าว ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน จึงขอทำความเข้าใจต่อทุกท่านว่า ในความเป็นจริงแล้ว นโยบายกัญชาของประเทศไทย ดำเนินตามมติ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญยาเสพติด ขององค์การอนามัยโลก และสอดคล้องไปกับมติเสียงข้างมาก ของคณะกรรมการยาเสพติด สหประชาชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้

“องค์การอนามัยโลก” เป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมา ให้เป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสาธารณสุขระหว่างประเทศ ของสหประชาชาติ เป็นศูนย์รวมของข้อมูลข่าวสาร และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก การจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ย่อมมีการศึกษา และชั่งน้ำหนักอย่างรอบด้านแล้ว ทั้งคุณประโยชน์และโทษ

ทั้งนี้ “คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญยาเสพติด” ของ องค์การอนามัยโลก หรือ Expert Committee on Drug Dependence (ECDD) ได้มีการจัดประชุมครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่ 12-16 พฤศจิกายน 2561 ลงมติเห็นสมควรให้สหประชาชาติ ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่า “องค์การอนามัยโลก” ซึ่งเป็นองค์กรด้านสุขภาพ เห็นประโยชน์ของกัญชามากกว่าโทษ

ดร.ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้ทำหนังสือถึงนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรช เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 โดยมีคำขอสรุปสาระสำคัญได้ ดังต่อไปนี้

ประการแรก ให้ยกเลิก “ช่อดอกกัญชาที่มียาง” (Cannabis) และยกเลิก “ยางกัญชา” (Resin) ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 4 (Schedule IV) อันหมายถึงกัญชาทั้งต้น รวมทั้ง ช่อดอกกัญชา และยางกัญชา จะไม่อยู่ในยาเสพติดประเภทใดของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 อีกต่อไป

ประการที่สอง เฉพาะสารสกัดเดี่ยวจากกัญชาที่ชื่อ THC (สารที่ทำให้เมา) และสารไอโซเมอร์ของ THC ให้จัดอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภทที่ 1 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961

กัญชา
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

หมายความว่า สำหรับสารสกัดเดี่ยว “THC” เป็นยาเสพติดที่มีความร้ายแรงเทียบเท่ากลุ่มเฮโรอีน รัฐบาลแต่ละประเทศ จะต้องทำการควบคุมระดับสูงสุด แต่ในขณะเดียวกัน ให้ถอนสารสกัด THC ออกจากบัญชีประเภทที่ 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาท ค.ศ. 1971 ด้วย

ทั้งนี้การควบคุมสารสกัด THC อย่างเข้มข้นแทนนั้น เป็นข้อเสนอที่มาพร้อมกับให้ปลดล็อก “ช่อดอก” และ “ยาง” ของกัญชาว่า ไม่ควรเป็นยาเสพติดแล้ว

ประการที่สาม สารสกัดกัญชา และผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชา ให้ถอดออกจากยาเสพติดประเภทที่ 1 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961

ประการที่สี่ สารเตรียมยาที่มีสารสกัด CBD ของกัญชาหรือกัญชง ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 ไม่ต้องถูกควบคุมระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 อีกต่อไป

กัญชา

ประการที่ห้า สารสกัดเบื้องต้น เพื่อเตรียมยาของกัญชา (Preparations) หรือสารเคมีสังเคราะห์ (Chemical Synthesis) ที่มีสาร THC เป็นส่วนผสมที่ยังไม่ชัดเจน ให้จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 3 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ซึ่งหมายถึง มีความเสี่ยงที่จะติด หรือออกฤทธิ์จิตประสาทต่ำกว่าประเภทที่ 1 และ 2

สรุปข้อเสนอของมติองค์การอนามัยโลก ได้ทำการชั่งน้ำหนักประโยชน์ และโทษของกัญชาแล้ว จึงเห็นว่า ต้นไม้ไม่ว่าส่วนใดของกัญชา รวมถึงช่อดอกกัญชา ก็ไม่ควรเป็นยาเสพติดอีกต่อไป เว้นแต่ “สารสกัด” ที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 เท่านั้น ที่จำเป็นจะต้องมีการควบคุมในฐานะยาเสพติด แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และทางวิทยาศาสตร์ได้

การที่ประเทศไทยได้ดำเนินการปลดล็อกทุกส่วนของกัญชาออกจากประเภทยาเสพติด และคงเหลือเอาไว้เฉพาะสารสกัดที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก ยังคงเป็นยาเสพติด แต่ยังคงไว้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้น จึงเป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกทั้งสิ้น

การเสนอการปลดล็อก “กัญชา” ขององค์การอนามัยโลก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 นั้น ได้ถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการยาเสพติดสหประชาชาติ (UN Commission on Narcotic Drugs) ซึ่งผ่านการประชุมจากผู้เชี่ยวชาญ 600 คนจาก 100 กว่าประเทศ ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2563 ซึ่งทำให้เป็นที่ยอมรับคุณค่าการบำบัดทางการแพทย์ของ “กัญชา”

จุดเปลี่ยนที่สำคัญในเวลาต่อมา คือ คณะกรรมการยาเสพติด สหประชาชาติ ได้ลงมติเสียงข้างมาก 27 ต่อ 25 เสียง (ยูเครนขาดประชุม 1 เสียง) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 สิ่งที่ได้มาคือการลงมติครั้งที่ 63/17 ว่า

กัญชา

“ให้ช่อดอกกัญชาที่มียาง (Cannabis) และยางกัญชา(Resin) ลบออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 4 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961” 

ความหมายคือ “ช่อดอกกัญชาที่มียาง” (Cannabis) และ “ยางกัญชา” (Resin) ไม่ใช่ยาเสพติดประเภทใด ๆ ภายใต้ อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 อีกต่อไป

สำหรับการลงคะแนนเสียงของประเทศที่ “เห็นด้วย” กับมติประวัติศาสตร์ปลดล็อก “ช่อดอก” และ “ยางกัญชา” ออกจากยาเสพติด จำนวน 27 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยี่ยม แคนนาดา โคลัมเบีย โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ค เอควาดอร์ เอลซาวาดอร์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี จาไมก้า เม็กซิโก โมรอคโค เนปาล เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ แอฟริกาใต้ สเปน สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ “ไทย” สหราชอาณาจักร อุรุกวัย สหรัฐอเมริกา

สำหรับการลงคะแนนเสียงประเทศที่ “ไม่เห็นด้วย” กับปลดล็อก “ช่อดอก” และ “ยางกัญชา” ออกจากยาเสพติด จำนวน 25 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน อัลจีเรีย แองโกลา บาห์เรน บราซิล บูร์กินาฟาโซ ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไอเวอรี่โคสต์ คิวบา ฮังการี อิรัก ญี่ปุ่น คาคัซสถาน เคนยา คีร์กีซสถาน ลิเบีย ไนจีเรีย ปากีสถาน เปรู รัสเซีย โตโก ตุรกี และเติร์กมินิสถาน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนออื่น ๆ ที่องค์การอนามัยโลก เสนอต่อสหประชาชาติเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการยาเสพติด สหประชาชาติ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ลงมติไม่ผ่านความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก หรือไม่เสนอลงมติทั้งสิ้น อันมีผลทำให้ “ช่อดอกกัญชา” และ “ยางจากช่อดอกกัญชา” เท่านั้น ที่ไม่เป็นยาเสพติด

กัญชา

โดยเฉพาะตัวอย่างการลงมติครั้งที่ 63/18 เรื่อง ขอให้สาร THC เป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 ของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 ซึ่งต้องคุมเข้มที่สุด ประชุมลงมติ “ไม่เห็นชอบ” ด้วยคะแนน 28 เสียง เห็นชอบ 23 เสียง ขาดประชุม 2 เสียง

เนื่องจากทั้ง กัญชา ยางกัญชา ไม่ได้อยู่ในประเภทยาเสพติดประเภทใด ๆ ตามมติคณะกรรมการยาเสพติดของสหประชาชาติแล้ว นโยบายด้านกัญชา จึงขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศ ที่จะไปกำหนดมาตรการเพื่อความเหมาะสม กับบริบทของแต่ละประเทศต่อไป

ดังนั้น การดำเนินการของประเทศไทย ที่ได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการร่างกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จึงไม่ได้ขัด หรือแย้งต่อมติคณะกรรมการยาเสพติดเสียงข้างมาก ของสหประชาชาติ แต่ประการใด

กัญชา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo