ดร.อนันต์ เผย ไวรัส ‘ฝีดาษลิง’ กลายพันธุ์เร็วกว่าเดิม 10 เท่า เผยสร้างกลไกหนีภูมิ แฝงตัวอยู่กับโฮสต์ ทำให้แพร่จากคนสู่คนได้ง่ายขึ้น
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana โดยระบุว่า ไวรัสฝีดาษลิง มีการกลายพันธุ์เร็วกว่าไวรัสปกติถึง 10 เท่า
ไวรัสฝีดาษลิง มีสารพันธุกรรมเป็น DNA ซึ่งแตกต่างจาก ไวรัสโรคโควิด หรือ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็น RNA การเปลี่ยนแปลงของ DNA เปลี่ยนยากกว่า RNA มาก ทำให้ไวรัสในกลุ่มนี้มั กมีลำดับพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงช้า ปกติจะพบการเปลี่ยนแปลงประมาณ 1 ตำแหน่งต่อปีเท่านั้น
กลายพันธุ์เร็วกว่าเดิม 10 เท่า
แต่ผลการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรม ของไวรัสฝีดาษลิงที่ระบาดในหลายประเทศตอนนี้ พบว่า มีความแตกต่างจากไวรัสที่เคยแยกได้ ตอนที่กระโดดจากสัตว์มาหาคนเมื่อ 4 ปีก่อน ใน UK สิงคโปร์ และ อิสราเอล ถึง 40 ตำแหน่ง จากเดิมที่เชื่อว่า ถ้าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามธรรมชาติ เราคาดว่าน่าจะมีความแตกต่างกันเพียง 4 – 5 ตำแหน่งเท่านั้น ในระยะเวลาที่ต่างกันดังกล่าว แสดงว่าไวรัสที่ระบาดในหลายพื้นที่ตอนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าไวรัสปกติถึง 10 เท่า
ตอนนี้ยังไม่มีใครมีคำตอบที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับไวรัสฝีดาษลิง ปี2022 (ขอเรียกว่า MPXV-2022) นี้ แต่มีสมมติฐานที่น่าสนใจ ซึ่งส่วนตัวผมเห็นด้วย และ คิดว่ามีประเด็นน่าคิด
ผลการถอดรหัสไวรัส MPXV-2022การเปลี่ยนแปลง 40 ตำแหน่งพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปแบบเดียวกัน คือ จากเดิม GA เปลี่ยนเป็น AA และ จากเดิม TC เปลี่ยนเป็น TT เป็นแบบจำเพาะเจาะจงมาก ไม่ใช่การเปลี่ยนแบบสุ่ม หรือ เปลี่ยนไปเรื่อย
ไวรัสสร้างกลไก หนีการจับของเอนไซม์ของคน เพื่อความอยู่รอด
การเปลี่ยนลักษณะแบบนี้ มีสาเหตุหลักมาจาก การเปลี่ยนตัวเองของไวรัสหนีกลไกของโฮสต์ ซึ่งปกติโฮสต์จะมีเอนไซม์อยู่ชนิดนึง ที่ทำหน้าที่ไปจับลำดับเบสของไวรัส แล้วคอยเปลี่ยนเบสดังกล่าว ทำให้เกิดมิวเตชั่นในสารพันธุกรรมของไวรัส เปลี่ยนไปเยอะๆ จนในที่สุดไวรัสไปต่อไม่ได้ จึงสูญเสียความสามารถในการเพิ่มจำนวนของตัวเองในที่สุด
เอนไซม์ดังกล่าว (ชื่อว่า APOBEC) ในแต่ละสปีชีร์ของโฮสต์จะจับลำดับเบสที่ต่างกันไป ของหนูจับอย่างนึง ของคนก็จับอย่างหนึ่งไม่เหมือนกัน ตัวไวรัสเองก็จะต้องมีวิธีในการอยู่ร่วมกับโฮสต์ได้ วิธีนึงคือ เปลี่ยนตำแหน่งที่ APOBEC ของโฮสต์จะจับไปเป็นตัวอื่น เพื่อหนีการตรวจจับของเอนไซม์ดังกล่าว ซึ่งเป็นกลไกการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้เกิดวิวัฒนาการของไวรัสนั้นๆ ให้ดำรงอยู่กับโฮสต์ได้ ปกติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวใช้เวลานานพอสมควร
ประเด็นที่น่าสนใจคือ GA และ TC ที่ MPXV-2022 มีการเปลี่ยนแปลงถึง 40 ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่ APOBEC ของคนใช้ในการตรวจจับ เพื่อทำการจัดการไวรัสตัวนั้น การที่ MPXV-2022 เปลี่ยนตำแหน่งดังกล่าวแบบจำเพาะเจาะจงแบบนี้ อาจเป็นกลไกที่ไวรัสพยายามหนีการจับของเอนไซม์ของคน เพื่อความอยู่รอดในโฮสต์ใหม่
สมมติฐาน ไวรัสฝีดาษ ไม่ได้หายไป แต่แฝงตัวเพื่อเปลี่ยนโฮสต์ ทำให้กระจายจากคนสู่คนได้ง่ายขึ้น
ทำให้นักวิจัยหลายท่านตั้งสมมติฐานว่า อาจเป็นไปได้ว่า MPXV-2022 วนเวียนอยู่ในประชากรมนุษย์มาเป็นเวลานานพอสมควรทีเดียว ไวรัสอาจมีปรับเปลี่ยนโฮสต์จากสัตว์ตัวกลางเป็นคน ซึ่งทำให้การแพร่กระจายเกิดจากคนสู่คนได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ต้องย้ำอีกทีว่า เป็นสมมติฐานที่มีการวิเคราะห์มาจากข้อมูล ลำดับพันธุกรรมของไวรัสนะครับ ยังไม่มีข้อมูลการแยกไวรัส ออกมาเปรียบเทียบคุณสมบัติการเพิ่มจำนวนในเซลล์คน เปรียบเทียบกับสายพันธุ์เก่า ว่าต่างกันมากน้อยอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าคงมีให้วิเคราะห์กันต่อในไม่ช้าครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โล่งใจ!! ผู้ต้องสงสัย ‘ฝีดาษลิง’ ที่แท้แค่ ‘เริม’ กรมควบคุมโรค ยืนยัน ยังไม่มีผู้ติดเชื้อในไทย
- แย่แล้ว!! ไวรัส ‘ฝีดาษลิง’ ดร.อนันต์ เผย แค่เข้าห้องน้ำ ก็อาจติดเชื้อได้
- กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง และติดตาม รายงานสถานการณ์ ‘ฝีดาษ ลิง’ ทั่วโลก อย่างใกล้ชิด