General

‘ดร.อนันต์’ ไขข้อข้องใจ วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ ใช้กับฝีดาษลิง ได้หรือไม่

“ดร.อนันต์” ให้ความรู้เรื่องวัคซีน ความแตกต่างระหว่างวัคซีนโควิดกับวัคซีนฝีดาษลิง และวัคซีนไข้ทรพิษ หรือการปลูกฝีในอดีต

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เรื่องการพัฒนาวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง และไข้ทรพิษที่ใช้วิธีปล๔กฝีในอดีต โดยระบุว่า

ฝีดาษลิง

Monkeypox virus (MPXV) เป็นไวรัสขนาดใหญ่ ใหญ่กว่า SARS-CoV-2 ของโควิด-19 มากหลายเท่า

ในขณะที่ SARS-CoV-2 ใช้โปรตีนหนามสไปค์เป็นโปรตีนเดี่ยว ๆ ในการจับกับโปรตีนตัวรับเข้าสู่เซลล์ การพัฒนาวัคซีนแบบใช้โปรตีนสไปค์ เป็นตัวกระตุ้นภูมิสร้างแอนติบอดีมายับยั้งกระบวนการดังกล่าว จึงตรงไปตรงมา

ดังนั้นวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น mRNA, viral vector หรือ subunit vaccine ต่างมุ่งที่จะใช้สไปค์เป็นแอนติเจนหลักของวัคซีน และแอนติบอดีต่อสไปค์ที่สร้างขึ้น เพียงพอต่อการป้องกันโรคโควิดได้

แต่ สำหรับ MPXV เราไม่ได้มีโปรตีนเดี่ยว ๆ อย่างสไปค์ของ SARS-CoV-2 เพื่อมาพัฒนาเป็นวัคซีน เนื่องจากไวรัสมีขนาดใหญ่ ใช้โปรตีนหลายตัวมากในการเข้าสู่เซลล์และเพิ่มจำนวนในเซลล์ และยังมีโปรตีนอีกหลายชนิด ที่ยังไม่มีองค์ความรู้ว่ามีหน้าที่อย่างไร

1 9

การจะพัฒนาวัคซีน MPXV ด้วยเทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนโควิด จึงทำไม่ได้ และเชื่อว่าแอนติบอดีจากโปรตีนเดี่ยว ๆ ไม่เพียงพอต่อภูมิคุ้มกัน จำเป็นต้องใช้ภูมิที่เหมือนกับการติดเชื้อจากธรรมชาติ โดยเฉพาะ T cell ที่จำเพาะต่อโปรตีนจำนวนมากที่ไวรัสสร้างขึ้นหลังจากติดเชื้อ

วัคซีนสำหรับ MPXV คือ วัคซีนตัวเดียวกับที่ใช้ป้องกัน smallpox หรือ ไข้ทรพิษในคน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าแก่ที่สุด หลักการเดียวกับที่ Edward Jenner บิดาของเทคโนโลยีวัคซีน ที่ใช้ไวรัส cowpox มาปลูกฝีให้เด็กเพื่อป้องกันฝีดาษ

โดยวัคซีนของ MPXV ใช้ไวรัสที่ชื่อว่า Vaccinia ซึ่งเชื่อว่ามีความใกล้เคียงกับ cowpox ที่ Jenner ใช้ แต่แยกมาจากม้า

ด้วยคุณสมบัติของ Vaccinia ที่ไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรงในคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ จึงมีการพัฒนามาเป็นไวรัสเชื้อเป็น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ smallpox เป็นเวลาต่อมา คือ การปลูกฝีที่ทำกันในสมัยก่อน

แต่ปัญหายังพบได้ในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ไวรัสสามารถก่อให้เกิดอาการติดเชื้อที่รุนแรงได้ ดังนั้นจึงมีความพยายามปรับ vaccinia ให้มีความอ่อนเชื้อลง

2 10

ที่นิยมทำกันคือ เลี้ยงในเซลล์สัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น เซลล์ไก่ (CEF) เป็นเวลานาน ๆ มากกว่า 500 ครั้ง ส่งผลให้ไวรัสปรับตัวเองมีชิ้นส่วน DNA หายไปจากจีโนมไวรัสถึงกว่า 30000 เบส ทำให้ไวรัสติดเข้าสู่เซลล์คนได้ สร้างโปรตีนต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นภูมิได้ แต่ประกอบร่างเป็นอนุภาคเพิ่มจำนวนต่อไม่ได้

วัคซีนดังกล่าว พัฒนาโดยนักวิจัยในเยอรมัน กลายเป็น vaccinia ที่เชื่อว่าปลอดภัยในคนมากขึ้น เรียกสายพันธุ์นี้ว่า Modified vaccinia Ankara (MVA) virus โดยให้เกียรติ the Turkish vaccine institute of Ankara ซึ่งเป็นคนแยกหัวเชื้อ เพื่อส่งให้ทีมเยอรมันไปพัฒนาต่อ จนกลายเป็นวัคซีนสำหรับ smallpox ที่ใช้กัน และอาจจะเป็นตัวหลักสำหรับ MPXV เช่นเดียวกัน

ปัจจุบันวัคซีนของบริษัท Bavarian Nordic เป็นเจ้าของวัคซีนดังกล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo