กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผนึกกำลังเครือข่ายภาคประชาชน เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น “หยุดทำลายโลกใบนี้ ก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน” ผลักดันให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบาย นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
วันนี้ (3 มี.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวขณะเข้าร่วมเวทีประชุมเสวนา “หยุดทำลายโลกใบนี้ ก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน” ระดมความคิดเห็นเครือข่ายภาคประชาชนจากทั่วประเทศ เพื่อให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการปรับตัว และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริงว่า เมื่อปี 2562 มีโอกาสรับฟังข้อเสนอจากองค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรเอกชน เครือข่ายอาสาสมัครต่าง ๆ
จากนั้น ทส. ผลักดันให้เกิดกลไกการบูรณาการทำงานร่วมกับภาคประชาชนที่เป็นรูปธรรม โดยตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินงาน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในหลาย ๆ ด้าน
ในปี 2565 ทส. มีความมุ่งมั่นให้เป็น “ปีแห่งการปรับตัวและฟื้นฟู” หรือ “Adaptation and Rehabilitation Year Adapt & Rehab Year” โดยปรับตัว (Adaptation) ภายใต้นโยบาย “ทส. ยกกำลังเอ็กซ์” และภายใต้วิถีใหม่ยุค New Normal ใน 5 มิติ
- บุคลากรปรับตัว สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้เกิดกับประชาชน
- ปรับสมรรถนะ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
- ปรับการจัดการทำงานรูปแบบใหม่ รวดเร็ว คุ้มค่า โปร่งใส ลดขั้นตอน ลดความซ้ำซ้อน
- ปรับการสื่อสาร/สร้างความเข้าใจ
- ปรับให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสานสัมพันธ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง ฟื้นฟู เพื่อการมุ่งเป้าหมายไปข้างหน้า ไร้ขีดจำกัด และไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าใน 2 เป้าหมายหลัก คือ การสร้างเศรษฐกิจครัวเรือน สังคมมีสุข ชุมชนเข้มแข็ง ได้แก่ การจัดสรรที่ดินทำกิน การจัดตั้งป่าชุมชน การสร้างความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการจัดทำแผนการจัดการสถานการณ์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ อปท.
การมุ่งสู่เศรษฐกิจแบบใหม่ (BCG Model) และสังคมคาร์บอนต่ำ ได้แก่ การส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การพัฒนาระบบ Digital Platform เพื่อส่งต่อถึงคนในรุ่นอนาคต และเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืนให้กับชุมชน
ในปี 2565 นี้ ทส. ยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับภาคประชาชน และทุกภาคส่วนอย่างเหนียวแน่นในการ “หยุดทำลายโลกใบนี้ เพื่อก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน” โดยให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก ๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านการขับเคลื่อน และบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต จากมาตรการการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
การแก้ไขปัญหาชุมชน ตามแนวทางคนอยู่ร่วมกับป่า การแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 และการมีส่วนร่วมของชุมชน อปท. ในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ภาคเหนือ การแก้ไขปัญหาขยะทะเล ภัยสิ่งแวดล้อม แผนลดขยะพลาสติก และการแก้ไขปัญหาขยะพิษ ขยะอุตสาหกรรม การลักลอบทิ้งน้ำเสียอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก รวมถึงการรั่วไหลของน้ำมันในทะเล
ทั้งนี้ ทส. จะนำข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนไปประมวล เพื่อผลักดันให้เกิดรูปธรรมในการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ขณะที่ นายเฉลิมชัย ปาปะทา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การประชุมในวันนี้ เป็นการต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (2 มี.ค) ที่มีการนำเสนอบทเรียน ประเด็นปัญหาที่ผ่านการประมวลจากเวทีย่อยในทุกภูมิภาค นำมาแลกเปลี่ยนเพื่อหาข้อสรุป และพัฒนาเป็นแนวทางการทำงานของเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการหนุนเสริมการทำงานร่วมกันในทิศทางที่เหมาะสมเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและลดความขัดแย้งในสังคม
การประชุมครั้งนี้ จัดในรูปแบบ Hybrid Meeting มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 200 คน ทั้งในรูปแบบของ On site และ Online โดยถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเพจ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และให้เสนอข้อคิดเห็นผ่านแอปพลิเคชันซูม
ทางด้าน นายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ประธานสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า สมัชชาองค์กรเอกชนฯ เป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายภาคประชาชน ถือเป็นความพยายามที่ทำให้เกิดพลัง ในการส่งเสริมสนับสนุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคีเครือข่าย
การพบกันในวันนี้ ถือเป็นวาระสำคัญที่จะต้องหารือร่วมกันใน 2 เรื่องหลัก ๆ คือ การประมวลสถานการณ์เพื่อการขับเคลื่อนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และพัฒนาข้อเสนอภาคประชาชน และการเลือกตั้งคณะกรรมการสมัชชาฯ ชุดที่ 8 ที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ในการเชื่อมประสาน และสนับสนุนการทำงานของสมาชิกสมัชชาฯ ที่ปัจจุบันมี 190 องค์กร
ซึ่งคาดหวังว่า จะมีองค์กรเอกชนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกสมัชชาฯ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะโจทย์ในการทำงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ถูกขยายและพัฒนาประเด็นออกไปมากมาย
ในการจัดประชุมสมัชชาฯ ครั้งนี้ มีประเด็นขับเคลื่อนการทำงานร่วมกัน คือ “หยุดทำลายโลกใบนี้ ก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน” เพื่อให้เราทุกคนได้ตระหนักและหยุดทำลายโลกของเรา ซึ่งถือเป็นโจทย์ท้าทายและต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกคนในสังคมและโลกใบนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘วราวุธ’ ชูนโยบาย ‘ทส. 2+4’ ยกระดับ-เพิ่มศักยภาพการทำงาน มุ่งเป้า ‘พัฒนายั่งยืน-ปชช.มีสิ่งแวดล้อมดี’
- ทส. ร่วมมือ ‘มูลนิธิโลกสีเขียว-EEC-มหิดล’ หนุนคนรุ่นใหม่ พัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
- ทส. เดินหน้านโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
