“อัยการ” หวั่น “คดีเสพโคเคน” ของ “บอส อยู่วิทยา” ใกล้หมดอายุความ แต่ยังส่งฟ้องไม่ได้ เพราะผู้ต้องหายังหลบหนี
นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิตว่า จนถึงขณะนี้ อัยการยังคงมีคำสั่งฟ้องอยู่ 2 คดี คือ คดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งจะหมดอายุความ ในวันที่ 3 กันยายน 2570 และคดีเสพโคเคน มีอายุความ 10 ปี ซึ่งคดีนี้ใกล้จะหมดอายุความในเดือนกันยายนปีนี้ แต่ตามกฎหมาย การจะส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจะต้องนำตัวมา จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวน ซึ่งมีหน้าที่ในการติดตามตัวผู้ต้องหา
ผู้ต้องหายังหลบหนี
แต่เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีในต่างประเทศ พนักงานสอบสวน ต้องไปติดตามแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อให้อัยการประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดน ต้องระบุที่อยู่ ที่เป็นไปได้เพื่อประสานประเทศปลายทางจับกุม แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการส่งข้อมูลที่อยู่ของผู้ต้องหาจากตำรวจ มาให้อัยการ จึงไม่สามารถประสานนำตัวมาได้
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และรองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ยังไม่เคยได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พิกัดของผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนอย่างไร ทราบแต่ทางสื่อมวลชนว่ามีการไปอาศัยอยู่ในหลายประเทศ แต่สิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งมาให้มีเพียงสำเนาหมายจับจากศาล แต่ยังไม่ส่งตัวผู้ต้องหามาให้
หวั่นคดีขาดอายุความ
ทั้งนี้ หลักการฟ้องร้องผู้ต้องหาในคดีอาญาจะต้องฟ้องตัวผู้ต้องหาภายในอายุความ จึงมีความกังวล เพราะมีคดีที่ใกล้หมดอายุความ ตราบใดที่ไม่มีตัวผู้ต้องหามาให้อัยการ ก็ไม่สามารถที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ หากไม่ได้ตัวมาภายในวันที่ 3 กันยายน 2565 หรือได้ตัวมาหลังจากนั้นก็ไม่สามารถฟ้องได้ในคดีเสพโคเคน เนื่องจากคดีขาดอายุความ
“ยืนยันว่า อัยการสั่งฟ้อง 2 คดี แต่ยังฟ้องไม่ได้เพราะยังไม่ได้ตัว เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคงไม่นิ่งนอนใจที่จะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งหากอัยการได้รับข้อมูลที่อยู่ของผู้ต้องหาก็พร้อมดำเนินการประสานงานส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศนั้นทันที” นายประยุทธ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายเเรง ‘เนตร’ สั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’
- มติ ‘ป.ป.ช.’ ตั้ง 9 กรรมการองค์คณะไต่สวนคดี ‘บอส อยู่วิทยา’
- ชง ‘คณะกรรมการ ปปช.’ ไต่สวน ‘คดีบอส’ เอาผิด ‘ตำรวจ-อัยการ’ นับ 10 ราย