General

ส.ต.ต.ซิ่งอาจโดนอีกกระทง เป็นเจ้าพนักงาน ‘ยักยอกทรัพย์’

อาจโดนเพิ่มอีกกระทง ส.ต.ต.ซิ่งชน พญ.เสียชีวิต เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์

วันนี้ (25 ม.ค.) ว่าที่ พ.ต.ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ กล่าวถึงกรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กก.อารักขา บก.อคฟ.ซิ่งรถจักรยานยนต์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” เสียชีวิตว่า ตามกฎหมายแพ่งมาตรา 437 วางหลักการไว้ชัดเจนว่าผู้ที่ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกล จะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะและทรัพย์นั้น

6 พ.ย. สมบัติ

ดังนั้นตัวตำรวจที่ครอบครองรถจักรยานยนต์ขณะเกิดเหตุ จึงเป็นผู้ที่ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดเหตุ กรณีผู้เป็นเจ้าของยานพาหนะไม่ได้อยู่ในรถในขณะเกิดเหตุจึงไม่ใช่ผู้ครอบครองยานพาหนะนั้น จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย ซึ่งมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2524 และ 6249/2541 พิพากษาเป็นแนวทางไว้แล้ว ดังนั้นคดีนี้ตำรวจที่ขี่รถมาต้องรับผิด 100%

นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2497 มีเนื้อหาว่า พลตำรวจคนหนึ่งลอบไขกุญแจเอารถยนต์ของกรมตำรวจไปขับขี่โดยพละการ พลตำรวจเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ กรมตำรวจไม่ได้ครอบครอง กรมตำรวจไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตำรวจขับรถไปชนผู้อื่นนอกหน้าที่

แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าตำรวจที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปชนหมอขี่รถไปเพื่ออะไร ไป เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือไม่ ถ้าทำไปตามหน้าที่ก็จะต้องมีหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานต้นสังกัด ออกมารับผิดเหมือนเป็นตัวการตัวแทนตามพ.ร.บ.ความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ซึ่งผู้เสียหายต้องฟ้องหน่วยงานของรัฐ จะฟ้องเจ้าหน้าที่โดยตรงไม่ได้

พ.ต.ดร.สมบัติ กล่าวว่า หากเขามีหน้าที่ในการเก็บรักษารถยนต์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว แล้วเอารถไปใช้ส่วนตัว อาจจะเข้าข่ายผิดความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตามกฎหมายอาญามาตรา 147 และอาจผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 อีกด้วย

แต่ถ้าไม่มีหน้าที่ดูแลรักษารถคันนี้เลย แอบเอารถไปใช้ส่วนตัว หรือมีลักษณะเอาไปเลย ตัดกรรมสิทธิ์เลย คือขนาดไม่คิดจะเอารถมาคืน ก็อาจจะเข้าข่ายผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ อันเป็นเหตุฉกรรจ์ของกฎหมานอาญา มาตรา 334 และก็เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรานี้ผิดยืนพื้นอยู่แล้ว

“ตอนนี้ตำรวจกำลังไปให้ความสนใจเรื่องเจ้าของรถที่แท้จริง ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับคดีนี้ เพราะคดีนี้เป็นเรื่องความผิดของตำรวจคนหนึ่งนำรถจักรยานยนต์ที่เจ้าพนักงานยึดรักษาไว้ออกมาใช้โดยพละการ แล้วไปทำละเมิดต่อบุคคลอื่น ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 437 บัญญัติไว้ชัดแจ้งอยู่แล้ว ส่วนใครจะนำเข้ารถจักรยานยนต์ผิดหรือไม่ผิดอย่างไรต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่อง” ว่าที่พ.ต.ดร.สมบัติ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo