General

เปิดผลสำรวจความเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย ‘ไม่ถึงครึ่ง’ ค่อนข้างพึงพอใจ!

“นิด้าโพล” เปิดผลสำรวจความเชื่อมั่นสาธารณสุขไทย พบ 40% ค่อนข้างพอใจมาตรการป้องกันโควิด ขณะที่ 36.76% ไม่ค่อยเชื่อมั่นการป้องกันของรัฐบาลในอนาคต

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความเชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทยกับการรับมือโรคโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่” ทั้งนี้ จากการสำรวจเมื่อถามถึงความพึงพอใจต่อมาตรการป้องกันโรคโควิดของรัฐบาลตั้งแต่มีการแพร่ระบาดจนถึงปัจจุบัน พบว่า

นิด้าโพล

  • 40.03% ระบุว่า ค่อนข้างพึงพอใจ เพราะประชาชนได้วัคซีนอย่างทั่วถึง มีมาตรการป้องกันโรคโควิดอย่างเข้มงวด สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด
  • 28.08% ระบุว่า ไม่ค่อยพึงพอใจ เพราะการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด การจัดสรรวัคซีนที่ล่าช้า การนำวัคซีนที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมาฉีดให้แก่ประชาชน
  • 16.97% ระบุว่า พึงพอใจมาก เพราะมีมาตรการป้องกันโรคโควิดอย่างเข้มงวด มีการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด
  • 14.92% ระบุว่า ไม่พึงพอใจเลย เพราะการบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ การบริหารวัคซีนป้องกันโรคโควิดล่าช้า วัคซีนไม่มีคุณภาพ มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ

ความเชื่อมั่นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดของรัฐบาลในอนาคต พบว่า

  • 36.76% ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะมาตรการป้องกันไม่เข้มงวด การนำวัคซีนที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมาฉีดให้แก่ประชาชน โรคโควิดมีการกลายพันธ์อย่างต่อเนื่อง
  • 32.50% ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น เพราะรัฐบาลสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดสรรวัคซีนให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง
  • 18.19% ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย เพราะการบริหารไม่มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาล่าช้า มาตรการไม่เข้มงวด การบริหารวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ
  • 12.55% ระบุว่า เชื่อมั่นมาก เพราะมาตรการป้องกันมีความการชัดเจนและเข้มงวด มีการจัดสรรวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง สถานการณ์ภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง

นิด้าโพล

ความกังวลต่อโรคโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน (Omicron)” พบว่า

  • 34.78% ระบุว่า ค่อนข้างกังวล เพราะสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและต้องเดินทางบ่อย วัคซีนที่ได้รับมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกัน, มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยว
  • 24.96% ระบุว่า กังวลมาก เพราะเชื้อกลายพันธุ์สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว วัคซีนที่ได้รับมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกัน มาตรการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาล การบริหารของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพ
  • 22.91% ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล เพราะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดการแพร่ระบาดภายในประเทศมีจำนวนน้อย ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยสามารถรับมือได้ ไม่ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
  • 17.35% ระบุว่า ไม่กังวลเลย เพราะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดต้องปรับตัวเพื่ออาศัยอยู่กับโรคโควิดให้ได้ ไม่ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เป็นสายพันธุ์ไม่ค่อยมีความรุนแรง

ด้านความคิดเห็นต่อการกลายพันธุ์ของโรคโควิดในอนาคต นอกจากสายพันธุ์ “โอไมครอน (Omicron)” และ “เดลต้า (Delta)” พบว่า

  • 36.00% ระบุว่า เกิดการกลายพันธุ์ และมีความรุนแรงมากกว่าเดิม
  • 26.56% ระบุว่า เกิดการกลายพันธุ์ และมีความรุนแรงเหมือนเดิม
  • 14.84% ระบุว่า เกิดการกลายพันธุ์ แต่มีความรุนแรงน้อยลง
  • 8.30% ระบุว่า ไม่เกิดการกลายพันธุ์
  • 4.03% ระบุว่า เกิดการกลายพันธุ์ แต่ไม่มีความรุนแรง
  • 10.27% ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ

นิด้าโพล

ส่วนความคิดเห็นต่อมาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ พบว่า

  • 66.97% ระบุว่า การจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอในการป้องกันโรคโควิดสายพันธุ์ใหม่
  • 46.27% ระบุว่า การจัดหายารักษาโรคโควิด 19 ที่มีคุณภาพ
  • 28.39% ระบุว่า การอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถสั่งซื้อ หรือนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด
  • 26.71% ระบุว่า การเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วย
  • 25.42% ระบุว่า การออกกฎ ข้อบังคับให้ทุกคนในประเทศต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
  • 24.12% ระบุว่า การเพิ่มจำนวนเตียง โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) ให้เพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย
  • 23.21% ระบุว่า การให้ความสำคัญมากขึ้นกับการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
  • 21.84% ระบุว่า การพึ่งพาการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้มากขึ้น
  • 2.82% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK