General

ท่องไว้!! สวมหมวก ใส่แมสก์ ไม่เมา ลดเจ็บ-ตายจากอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ รณรงค์ “สวมหมวก ใส่แมสก์ ไม่เมา” ลดเจ็บ-ตายจากอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 21 (ครั้งที่ 3/2564) ซึ่งที่ประชุมฯ ได้พิจารณาแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยได้กำหนดแนวคิดในการรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ภายใต้คำขวัญ 3 ม. “สวมหมวก ใส่แมสก์ ไม่เมา”

สวมหมวก ใส่แมส ไม่เมา

ทั้งนี้ จะเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ขับขี่ยานยนต์ทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี และผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 6 ชั่วโมงก่อนขับขี่ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย ในการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

พร้อมกันนี้ ยังได้ควบคุมการจำหน่ายให้กับเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี ห้ามมีโปรโมชั่นและการโฆษณาในสื่อทุกประเภท จำหน่ายตามเวลาและสถานที่ และ เปิด – ปิด สถานบริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

นอกจากนี้ได้เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ได้แก่

  • การทดสอบผู้ขับขี่ที่สงสัยว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ด่านชุมชน โดยสังเกตและประเมินอาการมึนเมาสุราเบื้องต้น และให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านรายงานข้อมูลผ่านระบบ E-Report ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน

อนุทิน

  • คัดกรองและส่งต่อผู้กระทำความผิดฐานเมาแล้วขับ และถูกศาลสั่งคุมความประพฤติทุกรายที่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ในสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง
  • ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์
  • สนับสนุนด่านชุมชนที่ขอความช่วยเหลือกรณีคนเมาปฏิเสธการตรวจอาการมึนเมา
  • การสุ่มตรวจสถานบริการ และบริเวณที่มีการจัดงาน เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนน

ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีพบว่ามีอุบัติเหตุ การบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนจำนวนมาก

ข้อมูลจากศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สรุปสถิติอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ 2564 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564 รวม 7 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 392 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,326 คน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 33.60% และดื่มแล้วขับ 33.06%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo