General

‘อัยการ’ แจงชัด! ‘เปรมชัย’ โดนโทษจำคุก 2 ปี 14 เดือน ชี้หลักฐานมัดแน่น

“อัยการ” แถลงคดี “เปรมชัย” คดีล่าเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร ชี้โดนโทษเต็ม ๆ 2 ปี 14 เดือน ชี้หลักฐานมัดแน่นทั้งประจักษ์พยาน และวัตถุพยาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีรายงานจาก ศาลฎีกา ในการอ่านคำพิพากษาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธานบริหาร บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในคดีล่าเสือดำกับไก่ฟ้าหลังเทา ที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ว่าตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือนนั้น

เปรมชัย

ล่าสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลคดีของนายเปรมชัย ว่าคดีนี้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 อัยการจังหวัดทองผาภูมิได้ยื่นฟ้อง

  • นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1
  • นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2
  • นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3
  • นายธานี ทุมมาศจำเลยที่ 4

ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่น ๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งต่อมาวันที่ 19 มีนาคม 2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจําคุกนายเปรมชัย, นายยงค์จำคุก 16 เดือน จําคุก 13 เดือน นางนที และนายธานี จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี จําคุก 2 ปี 17 เดือน โดยยกฟ้องจําเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัยศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน

เปรมชัย
แฟ้มภาพ

ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหาและต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์โดยจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น และจำคุกนายธานี 2 ปี 21 เดือน หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้วอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกาครั้งต่อมาวันที่ 31 มี.ค. 2563 จำเลย จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาและอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว

คดีนี้ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วได้มีคำพิพากษาวันนี้ พบว่าฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้นและไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ ศาลฎีกายกฟ้องเฉพาะข้อหาร่วมกันรับไว้ซึ่งสัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.2535 เพราะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ในปีพ.ศ. 2562 และยกเลิกกฎหมายเก่า แต่ยังมีความผิดฐานร่วมกันมีซากสัตว์ไว้ในครอบครอง จึงทำให้โทษของจำเลยทั้งสามยังคงเป็นไปตามศาลชั้นอุทธรณ์ คือ จำคุกจำเลยที่ 1 คงจําคุก 2 ปี 14 เดือนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่

เปรมชัย
แฟ้มภาพ

เมื่อถามว่า หลักฐานสำคัญที่ทำให้นำมาสู่บทสรุปของคำตัดสินวันนี้คืออะไร นายประยุทธกล่าวว่า จากที่ได้ดูข้อมูลคดีนี้มาแต่ต้น ตั้งแต่สำนักอัยการทองผาภูมิได้รับเรื่อง หลักฐานสำคัญที่ทำให้สำนวนแน่นหนา ประการแรกคือ ประจักษ์พยาน คือผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ถูกสอบอย่างละเอียดทุกั้นตอน ประการถัดมา คือ วัตถุพยาน ได้แก่ ซากสัตว์ทั้งหลาย อาวุธปืน เครื่องใช้เครื่องครัว ซึ่งทั้งหมดทำให้นำไปสู่การทำสำนวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบและรัดกุมและวันนี้ก็ได้พิสูจน์ทั้งสามศาลว่า ศาลได้มีคำพิพากษาตามที่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo