กรมชลประทาน เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “คมปาซุ” และ “ร่องมรสุม” พาดผ่านประเทศไทย ช่วง 13-20 ตุลาคมนี้
วันนี้ (13 ต.ค.) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนขึ้นฝั่ง บริเวณตอนบนของเวียดนาม ในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ จะอ่อนกำลังลง และทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ประกอบกับในช่วงวันที่ 12-16 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่นั้น
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) แล้วพบว่า มี พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในช่วงวันที่ 13-20 ตุลาคม 2564 ดังนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ แม่น้ำมูล
- จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอประโคนชัย อำเภอสตึก และอำเภอคูเมือง
- จังหวัดสุรินทร์ อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม
- จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ และอำเภอราษีไศล
ภาคกลาง
แม่น้ำป่าสัก
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ
- จังหวัดสระบุรี อำเภอเมืองสระบุรี
แม่น้ำลพบุรี ได้แก่
- จังหวัดลพบุรี อำเภอเมืองลพบุรี
แม่น้ำท่าจีน ได้แก่
- จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอสองพี่น้อง
ภาคตะวันออก
- นครนายก
- ปราจีนบุรี
- สระแก้ว
- จันทบุรี
- ตราด
ภาคตะวันตก
- กาญจนบุรี
- ราชบุรี
- เพชรบุรี
ภาคใต้
- ระนอง
- พังงา
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น กระทบบริเวณพื้นที่ท้ายอ่าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- นครราชสีมา
- สุรินทร์
- บุรีรัมย์
- ศรีสะเกษ
- สกลนคร
ภาคตะวันออก
- นครนายก
- ปราจีนบุรี
- สระแก้ว
- ชลบุรี
- ระยอง
- จันทบุรี
- ตราด
ภาคกลาง
- นครสวรรค์
- ลพบุรี
- สระบุรี
ภาคตะวันตก
- กาญจนบุรี
- ราชบุรี
- เพชรบุรี
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้น จึงได้สั่งการโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ รวมทั้งสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบายน้ำ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น และเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ และรองรับน้ำหลาก
ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทาน ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำทำได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทำการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำ ล่วงหน้า ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เตือนฉบับ 6 ‘พายุคมปาซุ’ อีสานฝนตกหนักมาก 13-14 ต.ค.นี้
- พยากรณ์อากาศวันนี้ อิทธิพล ‘คมปาซุ’ ปะทะ มรสุม ทำฝนตกทุกภาค
- กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนฝนถล่มภาคอีสาน 13-14 ต.ค. พายุ ‘คมปาซุ’ เข้าเวียดนามกระทบไทย