General

ทำความรู้จัก ‘โรคไวรัสนิปาห์’ แพร่เชื้อไวรัสจากค้างคาวสู่คน เตือนหยุดทำลายสัตว์ ธรรมชาติ

“หมอธีระวัฒน์” เผยที่มาโรคไวรัสนิปาห์ โรคประจำถิ่นของอินเดีย บังคลาเทศ แพร่ระบาดจากค้างค้างสู่คน คำเตือนหยุดทำลายระบบนิเวศสัตว์ ธรรมชาติ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ถึงโรคไวรัสนิปาห์ ที่แพร่ระบาดจากค้างคาวสู่คน โดยระบุว่า

โรคไวรัสนิปาห์

“โรคไวรัสนิปาห์

โรคนี้เป็นที่ทราบกันดี ตั้งแต่มีการระบาดในมาเลเซีย และสิงคโปร์ในปี 1998 จากหมูที่ได้รับเชื้อจากค้างคาว ที่เกาะอยู่เหนือโรงเลี้ยง ผ่านทางละอองฝอย เยี่ยวและน้ำลาย รวมกระทั่งถึงที่ ปะปนอยู่กับผิวของผลไม้ และติดต่อมายังคนที่ทำงานในโรงฆ่าและชำแหละหมู และซากหมูติดต่อมาหมาและแมว ที่ไปกิน โดยไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน

แต่แล้วในที่สุดพบว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นโรคประจำถิ่น ของอินเดีย และบังคลาเทศ ซึ่งเป็นทุกปีมาตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยลักษณะ เป็นฤดูกาล ตามลักษณะของการปลดปล่อยเชื้อของไวรัสจากค้าวคาวเป็นช่วง

โดยค้างคาวมากินน้ำคล้ายอินทผาสัมสด ที่รองจากต้นในเวลากลางคืน และจากนั้นคนมาดื่มต่อ โดยไม่ได้ทำให้สุก และมีการติดต่อจากคนสู่คน รวมกระทั่งถึงมีการสัมผัสกับเปลือกผิวของผลไม้ต่าง ๆ ที่มีไวรัสปะปนอยู่ และมีการติดเชื้อทางเยี่อบุ

ลักษณะของโรค อาจแตกต่างกันอยู่บ้าง จากที่พบในมาเลเซียที่มีอาการเด่นทางสมองอย่างเดียว โดยมีแบบเฉียบพลัน (acute) เกิดจากเส้นเลือดสมองอักเสบ แต่เมื่อหายแล้วกลับเป็นใหม่ได้ ภายในช่วงระยะเวลาสองปี (relapse)

 

แต่สมองอักเสบเป็นลักษณะของเซลล์สมองที่ผิวเปลือก (cortex) มีความผิดปกติ ทั้งนี้คนที่ได้รับเชื้อตั้งแต่ต้นอาจไม่แสดงอาการจนกระทั่งเกือบสองปีให้หลังก็ได้ (late onset)

shutterstock 2038315811

อาการของโรคที่เกิดขึ้นที่บังกลาเทศ จะมีปอดบวมร่วมด้วย ดังนั้นจึงทำให้มีการแพร่กระจายไปได้ในกลุ่ม แต่ไม่ชัดเจนว่าจะมีการเกิดโรคแบบซ้ำในภายหล้ง หรือที่เกิดหน่วงเวลา หลังจากที่ได้รับเชื้อหรือไม่แบบมาเลเซีย

ในประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2014 มีการระบาดเป็นกลุ่มในโรงชำแหละม้า โดยอาการที่เป็นมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยที่มีหรือไม่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วย

ในประเทศไทย จากการสำรวจพบว่าค้าวคาวไทย มีไวรัสนิปาห์ทั้งสองกลุ่มคือ แบบมาเลเซีย และบังคลาเทศ

ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ ร่วมกับกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีการสร้างมาตรการในการป้องกันค้าวคาว ปลดปล่อยละอองฝอยที่อาจมีเชื้อมายังเล้าหมู ม้า และสัตว์อื่น ๆ รวมกระทั่งถึงมีการตรวจเฝ้าระวังโรคในหมู โดยการตรวจสัตว์ป่วย และตรวจหาหลักฐานการติดเชื้อจากเลือด ซึ่งไม่พบว่ามีการติดเชื้อใด ๆ

จำนวนที่ตรวจในช่วงระหว่างปี 2003 ถึง 2011 มีจำนวน 46,528 ราย และทางกรมปศุสัตว์ ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ในระดับคนมีการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มาด้วยอาการทางสมองอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยไม่ทราบสาเหตุโดย ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ ได้ทำการตรวจที่ รพ จุฬา ตั้งแต่ปี 2001 จนกระทั่งถึงปี 2012 ไม่พบไวรัสนิปาห์ในผู้ป่วย 232 ราย และจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ยังคงมีมาตรการในการตรวจไวรัสตัวนี้อยู่ตลอด

นิปาห์

ไวรัสนิปาห์ อาจจะไม่เป็นเรื่องยากและซับซ้อนเท่ากับที่เห็นในโควิดในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากการแสดงออกของโรค หลังจากได้รับเชื้อจะมีอาการชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไข้ อาการปอดอักเสบและอาการทางสมอง

ผู้ป่วยเมื่อมีอาการ ส่วนมากจะหยุดอยู่นิ่ง ไม่สบาย จนไม่สามารถแพร่เชื้อไปที่อื่นในวงกว้างได้ แต่ กระนั้นมีกรณีที่มีการแพร่จากผู้สอนศาสนาในบังกลาเทศ ไปยังผู้ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนสิบได้ หรือที่เรียกว่า superspreader

การที่เกิดมีเด็กอายุ 12 ปีเสียชีวิตในเขตทางใต้ของประเทศอินเดีย อาจเป็นจากการกินผลไม้ที่เปลือกมีสิ่งคัดหลั่งที่มีเชื่อไวรัสปะปนอยู่ ซึ่งทางการของประเทศอินเดีย ได้มีการกักตัวผู้ที่สัมผัสกับคนป่วย 188 ราย และยังไม่มีรายงานการแพร่ระบาดในวงกว้าง

หนทางในการก่อโรคในคนเช่นนี้ ยังเกิดขึ้นได้จากการที่คนไปรุกล้ำป่า จับสัตว์ป่าฆ่ากิน เอาเลือดค้างคาวมาดื่ม ซึ่งมีเชื้อไวรัสอยู่ด้วย ซึ่งทำให้มีโอกาสสัมผัสกับเลือดอวัยวะ สิ่งคัดหลั่งต่าง ๆ และแพร่ไปยังคนในครอบครัว

สรุป มนุษย์ต้องเลิกลดละ การบุกรุกทำลายนิเวศของสัตว์ ธรรมชาติ และป่าไม้และทำให้สัตว์ป่าที่ปฏิบัติตัวเป็นแหล่งรังโรคโดยไม่มีอาการ ทำการย้ายถิ่นฐาน และมีโอกาสแพร่เชื้อไปยังมนุษย์และสัตว์เศรษฐกิจได้ง่าย จนระบาดมายังคน”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo