General

จับม็อบป่วนนางเลิ้ง ‘จุดพลุไฟ-ประทัดยักษ์-เผาตู้จราจร’ ตั้ง 5 ข้อหาหนัก!

“รอง ผบช.น.” เตือนม็อบ “ทะลุแก๊ส” นัดชุมนุมมีความผิด ย้ำ!! กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เผยล่าสุดจับกุมม็อบป่วนนางเลิ้ง 16 รายหลังจุดพลุไฟ ประทัดยักษ์ใส่ตำรวจ เผาตู้จราจร

กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สในวันนี้ว่า บช.น.ขอเตือนว่าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดการรวมตัว หรือมั่วสุม เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและพรบ.ควบคุมโรค

ม็อบป่วน

สำหรับการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมามี 2 กลุ่ม คือกลุ่มของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จัดกิจกรรมคาร์ม็อบโดยเริ่มที่แยกอโศก ปลายทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการจัดกิจกรรมปิดการจราจรใช้ผ้าดำคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่เวลา 18.00 น. จะประกาศยุติการชุมนุมโดยภาพรวมถือว่าเหตุการณ์ปกติ แต่ระหว่างการเคลื่อนขบวนเวลาประมาณ 15.15 น. ที่บริเวณหน้าประตูศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุมขับมาและเกิดหกล้ม ก่อนที่จะเกิดระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 4 คน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เชื่อว่าหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพกพาอาวุธระเบิดมาด้วย เมื่อรถประสบอุบัติเหตุล้มลงทำให้เกิดระเบิดขึ้น ขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ หากการสอบสวนพบว่าผู้บาดเจ็บพกระเบิดเข้ามาในสถานที่ชุมนุมจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด อีกส่วนหนึ่งด้วย

ม็อบป่วน
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายกันที่สามแยกดินแดง ก่อนจะเคลื่อนมวลชนไปชุมนุมที่แยกนางเลิ้งมีการจุดพลุเพลิง พลุไฟ ประทัดยักษ์ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นมีการเผาตู้จราจรที่แยกนางเลิ้งและแยกยมราชได้รับความเสียหายและในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทุบทำลายรถและเผาเอกสารราชการที่มีความสำคัญต่อคดี

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 16 คนดำเนินคดีข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ (ป.อาญา ม.215), เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกแล้วไม่เลิกฯ (ม.216), ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ (ม.138), ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ฯ (ม.217) และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม (21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นรายๆไป ซึ่งกรณีอาวุธปืนของกลางดังกล่าว” รอง ผบช.น.กล่าว ในการชุมนุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันดำเนินคดีไปแล้ว 219 คดี มีผู้กระทำความผิดจำนวน 797 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 552 คน

ม็อบป่วน

รอง ผบช.น. กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มก่อความไม่สงบ ได้ทำลายทรัพย์สินของราชการเสียหายจำนวนมาก เป็นตู้จราจรจำนวน 10 แห่ง ระบบควบคุมสัญญาณจราจรถูกทำลายเสียหาย กล้องวงจรปิด 40 ตัว รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เสียหาย 50 คัน ตู้ควบคุมระบบไฟ ระบบระบายน้ำระบายอากาศอุโมงค์ดินแดงได้รับความเสียหาย ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นภาษีของประชาชนทั่วประเทศ

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่โดยใช้เจ้าหน้าที่จาก สน.ต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพฯ และจะมีการปรับแผนการดำเนินการ บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเข้าระงับยับยั้งที่อาจเกิดเหตุบานปลายซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีการปรับแผนทุกวัน ขณะเดียวกันก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังของผู้ชุมนุมด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo