General

‘ผบช.น.’ แจงกรณีเหตุรถคุมผู้ต้องหาชนม็อบ ยันไม่มีพฤติกรรมชนแล้วหนี!

“พล.ต.ท.ภัคพงศ์” แจงกรณีเหตุรถคุมผู้ต้องหาชนม็อบ ยันไม่มีพฤติกรรมชนแล้วหนี ชี้หากไม่รับความเสียหายสามารถแจ้งความได้ ระบุกรณีตำรวจถูกปาไปป์บอมบ์ใส่ยังอยู่ไอซียู

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะ โฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

ภัคพงศ์

ยันไม่มีพฤติกรรมชนแล้วหนี

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ผบช.น. กล่าวถึงคลิปเหตุการณ์กณีรถควบคุมผู้ต้องหาวิ่งชนกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา และพบว่าตำรวจขับรถออกไปทันที ทำให้ผู้ชุมนุมที่ถูกชนได้รับบาดเจ็บ จนมีการแชร์คลิปว่อนโซเชียล ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อรถควบคุมผู้ต้องหาขับไปถึงจุดเกิดเหตุสามเหลี่ยมดินแดง ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 6-7 คน ได้วิ่งเข้ามาและใช้อาวุธทุบรถ ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนรถเกิดความเสียหาย จากนั้นจึงเกิดเสียงดังคล้ายเสียงระเบิดดังขึ้น และไม่เห็นว่าผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าจะถูกทำร้ายจึงรีบขับรถหลบหนีเพื่อเดินทางกลับไปยังต้นสังกัด แต่รถไม่สามารถขับต่อไปได้ไปจอดไว้ที่ รพ.พระมงกุฏ

จากนั้นจึงได้มีการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนที่จะทำการตรวจสอบสภาพรถพร้อมกับลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน. ดินแดง และในวันนี้ก็จะเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ชุมนุมกลุ่มดังกล่าวที่ได้ก่อเหตุไว้ และยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีพฤติกรรมชนแล้วหนี แต่เหตุการณ์เมื่อคืนได้มีการตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงก็ไม่ได้รับแจ้งหรือรายงานว่ามีใครได้รับบาดเจ็บแล้วมาเข้ารับการรักษา และหลังจากนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมคิดว่าตนเองได้รับความเสียหายก็มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้

ภัคพงศ์

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีการเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่แฟลตดินแดงคืนวันที่ 11 กันยายนว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น มันเป็นเหตุการณ์บานปลายเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวายมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่และทำลายทรัพย์สิน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงการสลายการชุมนุมในเคหสถานมาโดยตลอด แต่ผู้ชุมนุมยังไม่ยอมที่จะยุติ ส่งผลให้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย

ยังอยู่ไอซียู

ล่าสุด ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร ถูกปาไปป์บอมบ์ใส่บริเวณใบหน้าด้านขวา และเบ้าตา ต้องผ่าตัดด่วน ถึง 8 ชม. ขณะนี้อาการยังคงทรงตัวและรักษาอยู่ที่ห้องไอซียู

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม แยกดินแดงในวันนี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลังตามสถานการณ์และจากทางการข่าว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนคนอื่นได้รับผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวายเป็นรายวัน เมื่อวานมีการก่อเหตุวางเพลิงหลายพื้นที่และมีการวางตะปูเรือใบที่ถนนวิภาวดีรังสิต และสามแยกดินแดงรวมไปถึงทางลงอุโมงค์ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยังมีการวิ่งตัดหน้ารถยนต์ของประชาชนผู้ใช้รถสัญจรไปมาจนเกิดการเสียหลัก

ภัคพงศ์
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย

สำหรับการชุมนุมในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาตำรวจสามารถดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้จำนวน 204 คดี มีผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 756 คน สามารถจับกุมได้ จำนวน 511 คน อีกครั้งเมื่อวานที่มีการชุมนุมนั้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 รายพร้อมยึดอาวุธปืนและมีระเบิดแสวงเครื่องและ ไปป์บอมป์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จากนั้นก็จัดส่งดำเนินคดีต่อไป

ส่วนความคืบหน้ากรณีมีการยิงเด็กอายุ 14 ปี ที่ตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นภาพใกล้ ๆ กับจุดเกิดเหตุขณะนี้ยังคงขาดพยานหลักฐานสำคัญ แต่ก็สามารถที่จะออกหมายจับได้ แต่อยากให้มีการพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดกว่านี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งด่านสกัด ตรวจค้นอาวุธ เกรงว่าผู้ชุมนุมจะนำเข้าไปก่อเหตุ อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยรถต้องสงสัย และรถที่ไม่ติดป้ายทะเบียน จะถูกตรวจค้น ยืนยันเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสมควรแก่เหตุตามสถานการณ์ ภายใต้กรอบของกฏหมาย ผ่อนหนักเบา ตามสถานการณ์

สถานทูตญี่ปุ่นเตือน!!

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวถึงกรณีการออกมาแจ้งเตือนจากสถานทูตญี่ปุ่นถึงการชุมนุมว่า เป็นการออกมาเตือนตามวงรอบ ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นอย่างเป็นในประเทศอื่น เนื่องจากเป็นการรายงานจากฝ่ายความมั่นคงในส่วนของประเทศไทยนั้นได้มีการประสานงานทางด้านการข่าว จึงไม่ห่วงสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เนื่องจากสันติบาลและนครบาลได้ร่วมมือกันดูแลความปลอดภัย ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลพร้อมให้การสนับสนุน

ขอบคุณภาพจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล – บช.น.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo