สื่อต่างประเทศ พร้อมใจเสนอข่าว “ผู้กำกับโจ้” วิจารณ์แรง “ทารุณผู้ต้องหา-คอร์รัปชัน” เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ง่ายในแวดวงตำรวจไทย พร้อมโยงถึงคดี “เพชรซาอุ” และ “บอส อยู่วิทยา” ที่ตอกย้ำถึงการทุจริต และความรุนแรง ในแวดวงสีกากีไทย
วันนี้ (26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศหลายราย ได้ให้ความสนใจรายงานข่าว “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และถูกออกหมายจับใน 3 ข้อหา รวมถึง ฆ่าคนตายโดยเจตนา จากกรณีใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติด เพื่อรีดเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย
ผู้กำกับโจ้ สะท้อน ‘ทารุณ-ทุจริต’ ตำรวจไทย
เอพี รายงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และว่า ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำทารุณกรรม และทุจริต เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ไม่ยากในไทย ทั้งยังอ้างความเห็นจากนักสิทธิมนุษยชนว่า กรณีของผู้กำกับโจ้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้น และไม่มีทางที่จะเป็นกรณีสุดท้าย จนกว่า หรือเว้นแต่ว่า ตำรวจจะดำเนินการสืบสวน และสอบสวนอย่างจริงจัง
รายงานข่าวของเอพี บอกด้วยว่า การทุจริตในระดับเล็กน้อย เช่น การรีดไถเงินจากผู้ขับขี่ยานพาหนะ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ไม่ยากในกลุ่มตำรวจชั้นผู้น้อย และวงการตำรวจไทย มีประวัติการซ้อมผู้ต้องสงสัยให้รับสารภาพอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงมีการก่ออาชญากรรมโดยตำรวจ
พร้อมอ้างไปถึงคดีเพชรซาอุ ซึ่ง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ถูกตัดสินลงโทษจำคุกในข้อหาลักพาตัว และสังหารพยานในคดีนี้
ขณะที่ เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกง รายงานความเห็นของนักวิชาการ ที่ระบุว่า วัฒนธรรมการใช้ความรุนแรง และล่วงละเมิด เป็นเรื่องที่ฝังรากลึกในกลุ่มตำรวจ และทหารของไทย
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้อง แค่การตัดเนื้อร้ายทิ้ง เพื่อแก้ไขปัญหา ตามที่ ผบ.ตร.ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ แต่เกี่ยวกับการบรรลุอำนาจ และวัฒนธรรมของการที่ตำรวจสามารถลอยนวลไปได้ โดยไม่มีความผิด และเป็นเรื่องที่สาธารณชนตรวจสอบไม่ได้
นอกจากนี้ นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการต่างชาติที่เชี่ยวชาญด้านเอเชียศึกษา ยังแสดงความเห็นในรายงานข่าวด้วยว่า คลิปคลุมถุงดำผู้ต้องหา สะท้อนปัญหาเชิงระบบในแวดวงตำรวจไทย เพราะนายตำรวจชั้นผู้น้อย ได้รับเงินเดือนต่ำ จนต้องเรียก “ค่าน้ำร้อนน้ำชา” จากคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ จนกลายเป็นปัญหาทุจริตรายวัน
ส่วนนายตำรวจระดับสูงของไทย ก็มีประวัติเกี่ยวพันกับการทุจริต เอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง และเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เพราะนอกจากตำรวจจะไม่ค่อยถูกดำเนินคดีแล้ว ยังมีการปล่อยให้ผู้ต้องหาในคดีดัง ที่เป็นมหาเศรษฐีหลบหนีไปได้ โดยยกตัวอย่างคดี “บอส” นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจเครือกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจตั้งแต่ปี 2555 แต่ทางการไทยยังนำตัวมาดำเนินคดีไม่ได้จนถึงปัจจุบัน
ทางด้าน นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการ ฮิวแมนไรท์วอทช์ กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยนชน ชี้ว่า กรณีผู้กำกับโจ้เป็นสัญญาณปลุกให้รัฐบาลไทย ต้องหาทางจัดตั้งองค์กรอิสระมาสอบสวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับแวดวงตำรวจ
ที่ผ่านมา ตำรวจไทยเกี่ยวพันกับการซ้อมทรมานผู้ต้องหาในคดียาเสพติดจำนวนมาก รวมถึงช่วงที่มีการประกาศสงครามยาเสพติดในสมัยอดีตรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่การปล่อยให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวน จะไม่แตกต่างจากคดีส่วนใหญ่ ที่ผู้ลงมือก่อเหตุลอยนวลพ้นผิดเป็นจำนวนมาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ชีวิตที่พลิกผัน ‘ผู้กำกับโจ้’ จาก ‘นายตำรวจอนาคตไกล’ สู่ ‘ตำรวจนอกรีต’ ถูกออกหมายจับ ‘ฆ่าคนตายโดยเจตนา’
- รู้แหล่งกบดานแล้ว! รอง ผบ.ตร. เผย ‘ผู้กำกับโจ้’ ไม่ได้หนีไปกับลูกน้อง ปัดเปิดข้อมูลสอบ 5 ตำรวจ
- ‘ดีเอสไอ’ ตรวจสอบพบ ‘ลัมโบร์กินี’ ผู้กำกับโจ้ อยู่ในคดีรถหรู
