General

ใกล้รู้ตัวคนผิด! ‘จุรินทร์’ สั่ง ‘ผอ.อคส.’ ร่วมมือป.ป.ช.เต็มที่ คดี ‘ถุงมือยาง’

“จุรินทร์” แจ้งความคืบหน้าการจัดการปัญหาการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางของ อคส. ล่าสุด คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงใกล้ได้ข้อสรุป คาดชี้ตัวผู้กระทำความผิดได้เร็ว ๆ นี้ เผยหากรู้ชัด จะตั้งกรรมการชี้โทษ และชี้ความรับผิดชดใช้ความเสียหาย พร้อมมอบหมายให้ ผอ.อคส.คนใหม่ ร่วมมือป.ป.ช.เต็มที่ ทั้งการเอาคนผิดมาลงโทษ และตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการดำเนินการเกี่ยวกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า หัวใจสำคัญที่เป็นภารกิจที่ได้ติดตามมาโดยตลอด คือ การเร่งรัดนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และทำอย่างไรเอาเงินคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด

อคส.

ความคืบหน้าล่าสุด คือ คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทางวินัย ได้ดำเนินการแล้ว คาดว่า จะเสร็จเร็ว ๆ นี้ ถ้ากรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ชี้ลงไปว่า ผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุด เพื่อชี้โทษ และอีกชุดหนึ่งเพื่อชี้ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายว่า ใครต้องชดใช้ค่าเสียหาย เป็นจำนวนเท่าใด เป็นกลไกที่จะต้องปฏิบัติโดยเร็ว ให้เป็นไปตามขั้นตอน กระบวนการกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอคส.

ส่วนเรื่องของบอร์ด หรือกรรมการบริหารนั้น นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการอ งค์การคลังสินค้าคนใหม่ ได้ยื่นเรื่องให้กับ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ปีที่แล้ว และ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว รวมทั้ง อายัดเงินในบัญชีต่าง ๆ เสร็จสิ้นก่อนหน้านี้นานแล้ว

จากนี้ไป เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการพิจารณาชี้มูลว่า มีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือกระทำการโดยมิชอบบ้าง เพราะ ป.ป.ช. มีอำนาจตั้งแต่ผู้บริหาร พนักงานทุกคน รวมถึงบอร์ด หรือรัฐมนตรี

“ผมสั่งการองค์การคลังสินค้า ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ว่า ต้องให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.อย่างเต็มที่ เพื่อเร่งรัดในการเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และเอาเงินมาคืนให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยไม่มีการละเว้นผู้ใดทั้งสิ้น และเป็นเรื่องที่บอร์ดหรือประธานบอร์ดจะต้องพิจารณาว่ายังสมควรที่จะทำหน้าที่อยู่ต่อไปหรือไม่”

นายจุรินทร์ บอกด้วยว่า เรื่องการระงับสัญญาได้รับแจ้งจาก ผู้อำนวยการคนใหม่ว่า ฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาเบื้องต้นแล้วว่า สัญญาทุกสัญญา เป็นโมฆะ เพราะผู้ลงนามในสัญญา ลงนามเกินอำนาจหน้าที่ เนื่องจากเป็นเงินเกินกว่า 50 ล้านบาท และไม่ผ่านบอร์ด  สัญญาก็ไม่ผ่านอัยการ

เท่าที่ได้รับรายงานนั้น แต่ละสัญญา ก็มีข้อบกพร่อง เช่น ผู้ลงนามแทนบริษัท ไม่มีอำนาจ หรือบางกรณีเซ็นไปแล้ว ไม่มีตราประทับบริษัทที่จดทะเบียนไว้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้สัญญาเป็นโมฆะ นี่เป็นความเห็นเบื้องต้นของฝ่ายกฎหมาย

“เพราะฉะนั้น 112,500 ล้านบาท ที่อยู่ในสัญญา ก็เสมือนไม่ได้มีนิติกรรมผูกพันกับ อคส. สัญญานั้นไม่เกิดขึ้น ภารกิจที่เหลือ คือ ทำอย่างไรที่จะเอาเงิน 2,000 ล้านบาท ที่อดีตรักษาการผู้อำนวยการ โอนไปให้กับบริษัทนั้นคืนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด โดย ป.ป.ช.ได้อายัดบัญชีเหล่านั้นแล้ว”

สำหรับการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการ  เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยได้ทำสัญญากับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. เพื่อไปขายต่ออีก 7 ราย และได้นำเงินของ อคส. 2,000 ล้านบาทจ่ายให้การ์เดียนโกลฟส์ เป็นค่ามัดจำสินค้า โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด ถือว่าผิดกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำโดยมิชอบ

การกระทำดังกล่าว ส่งผลให้บอร์ด มีมติให้นายเกรียงศักดิ์ ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ทำหนังสือถึงดีเอสไอ และ  ป.ป.ช. พิจารณาความผิด และส่งเรื่องให้ ปปง. อายัดเงิน 2,000 ล้านบาท รวมถึงให้ระงับการดำเนินการตามสัญญาทั้งหมด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo