General

มท.1 เปิดปฏิบัติการ ปราบไฟป่า ‘4 พื้นที่ 5 มาตรการบริหารจัดการ’ ภาคเหนือ

เปิดปฏิบัติการ ปราบไฟป่า ภาคเหนือ มท.1 ลุย “4 พื้นที่ 5 มาตรการบริหารจัดการ” สั่งการทุกจังหวัด เร่งแก้ไขฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5

พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด ให้ความสำคัญในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ โดย เปิดปฏิบัติการ ปราบไฟป่า ภายใต้มาตรการ “4 พื้นที่ 5 มาตรการบริหารจัดการ”

ไฟป่า

ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และพื้นที่จังหวัดภาคอื่น ที่มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ให้ปฏิบัติตามมาตรการ “4 พื้นที่ 5 มาตรการบริหารจัดการ”

สำหรับ 4 พื้นที่ตามมาตรการดังกล่าว ได้แก่

  • พื้นที่ป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ โดยดำเนินการควบคุมไฟป่า จัดทำแนวป้องกันไฟ จัดกำลังลาดตระเวน บังคับใช้กฎหมาย ปิดป่าในช่วงประกาศห้ามเผา การทำป่าเปียก ป่าชื้น ฯลฯ และการให้ผู้นำท้องที่ตั้งกฎกติกาการห้ามเผาป่าในหมู่บ้าน ชุมชน และจัดทำบัญชีผู้มีพฤติกรรมเข้าป่า เพื่อหาของป่าและล่าสัตว์
  • พื้นที่เกษตรกรรม โดยควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร จัดระเบียบบริหารเชื้อเพลิง รณรงค์การใช้สารย่อยสลายหรือไถกลบตอซังข้าว ข้าวโพด ซากวัชพืช ส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และการแปรวัสดุการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า และจัดอาสาสมัครเฝ้าระวัง ไม่ให้เกษตรกรลักลอบเผา
  • พื้นที่ชุมชน เมือง ให้จังหวัด อำเภอ และอปท. กำหนดกติการ่วมกันของชุมชน โดยใช้กลไกประชารัฐ เฝ้าระวัง ป้องกัน การเผาในพื้นที่ชุมชน เมือง การฟอกอากาศ การสร้างเมืองต้นไม้ การกำหนดพื้นที่ปลอดมลพิษ (Safety Zone) และจัดชุดปฏิบัติการประจำตำบล หมู่บ้าน ประชุมชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ให้ทราบมาตรการและแนวทางภาครัฐ
  • พื้นที่ริมทาง โดยจัดกำลังอาสาสมัครภาคประชาชน ลาดตระเวน เฝ้าระวัง และกำจัดเศษวัสดุ ขยะ ใบไม้แห้ง ที่เป็นเชื้อเพลิงในพื้นที่ริมทาง เพื่อไม่ให้มีเชื้อไฟและใช้เป็นแนวกันไฟ

มท.1

ในส่วนมาตรการบริหารจัดการ 5 มาตรการ ได้แก่

1. ระบบบัญชาการเหตุการณ์ โดยให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอ เป็นองค์กรหลักในการอำนวยการ สั่งการ ระดมสรรพกำลัง ทรัพยากร และประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ มีผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

2. สร้างความตระหนัก สร้างการรับรู้กับประชาชนทราบถึงมาตรการการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และการส่งเสริมให้ประชาชน นักเรียน เยาวชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า

3. ลดปริมาณเชื้อเพลิง โดยให้จัดทำแนวกันไฟ การควบคุมการเผา ส่งเสริมการใช้สารหมักชีวภาพเพื่อย่อยสลายตอซัง และการนำเศษวัสดุทางการเกษตรมาทำอาหารสัตว์ และกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. คณะกรรมการหมู่บ้าน  ชุมชน สอดส่อง ตักเตือน ห้ามปราม ผู้ที่จุดไฟเผาเศษวัสดุทางการเกษตร โดยเฉพาะตามเขตรอยต่อระหว่างชุมชนกับเขตป่าไม้

4. การบังคับใช้กฎหมาย ให้กำชับเจ้าพนักงานตามกฎหมายบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบเผาในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชน/เมือง และพื้นที่ริมทาง

5. ทีมประชารัฐ โดยบูรณาการทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการสนับสนุนและกำหนดแนวทาง มาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

shutterstock 796830781 e1608003892800

พร้อมกันนี้ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 จึงได้สั่งการไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ดำเนินการ 6 มาตรการ ได้แก่

1. ถือปฏิบัติตามหลักในการอำนวยการ สั่งการ ควบคุมและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2. ทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุสำหรับใช้แก้ปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ การกำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนถึงระดับอำเภอและตำบล ตลอดจนการจัดชุดปฏิบัติการที่สามารถเข้าไปยังจุดที่ก่อให้เกิดการเผาหรือการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ครอบคลุมในทุกพื้นที่

3. ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์การเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี อาทิ ภาพถ่ายดาวเทียม และ Application เสริมประสิทธิภาพการติดตามตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศและการบัญชาการดับไฟป่า ตลอดจนใช้เป็นข้อมูลในการอำนวยการ สั่งการ และแจ้งเตือนประชาชน

4. เน้นย้ำการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม ครัวเรือน และสร้างการรับรู้ ความตระหนักให้แก่ประชาชน เช่น ส่งเสริมการตรวจสภาพรถยนต์ส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ การใช้พลังงานสะอาด และการใช้เตาหุงต้ม/เตาปิ้งย่าง/ถ่านปลอดมลพิษ เป็นต้น

5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยประสานอำเภอ อปท.ในพื้นที่ เร่งสร้างความเข้มแข็งและเสริมสร้างความรู้ให้ผู้นำชุมชน จิตอาสา อาสาสมัคร และประชาชน ในการสร้างเครือข่ายเฝ้าระหว่าง ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพอากาศ รวมทั้งขยายเครือข่ายแจ้งเตือน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบถึงสถานการณ์ที่ถูกต้อง

6. ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ประชาชนให้ตระหนักถึงผลกระทบจากกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) แนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพ มาตรการต่าง ๆ ภาครัฐ และข้อกฎหมาย ทั้งนี้ หากสถานการณ์อยู่ในภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ให้เร่งบูรณาการทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo