General

‘ครูจุ๋ม’ แจ้งความ จุดชนวนศึก ‘ทนายตั้ม’ เตือน เหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ

ทนายตั้ม โพสต์เตือน ครูจุ๋ม แจ้งความผู้ปกครอง เหมือนเอาน้ำมันราดบนกองไฟ ชี้ในฐานะทนายความ คดีเด็กอนุบาลถูกทารุณกรรม จ่ายกี่บาทก็ไม่รับ

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือ ทนายตั้ม โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ถึงกรณี ครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายเด็ก แล้วแจ้งความกลับ ให้ดำเนินคดีผู้ปกครอง ว่า คดีลักษณะนี้ ได้กี่บาทก็ไม่ขอรับ ทำแล้วไม่สบายใจ ไม่ทำดีกว่า โดยระบุว่า

ทนายตั้ม

ทุกวันนี้ ผมได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ เยอะมากนะครับ แต่หลายครั้ง ผมตัดสินใจปฏิเสธ ทั้งที่ถ้าเลือกงานนี้ ผลตอบแทนก็เป็นเงินมากโข แต่ด้วยถ้าทำแล้วไม่สบายใจ ขอไม่ทำดีกว่า แน่นอนครับ ทนายเลือกงานได้ ทั้งเป็นทนายโจทก์และทนายจำเลย

คดีแบบเด็กอนุบาลถูกทารุณกรรม ผมขอผ่าน ได้กี่บาท ก็ขอไม่รับ แต่ขอเสนอแนะ ในฐานะที่เป็นทนาย ให้ลูกเพจอ่านดูแล้วกันนะครับว่า ถ้าผมเป็นทนายคดีครูจุ๋ม ผมจะทำแบบนี้

1. ออกแถลงขอโทษผู้ปกครองและสังคม โดยปราศจากข้อแก้ตัว รวมถึงเลิกโทษคนอื่น เก็บความเฟียส ความกร้าวใส่ลิ้นชักชั้นลึกที่สุด ผลร้ายมีมากกว่าผลเสียถ้าใช้อารมณ์

2. หาทางเยียวยาตามกฎหมาย ไม่ปกป้องคนกระทำผิด ปฏิรูปโรงเรียน เสนอมาตรการที่จะมีในอนาคต เพื่อยืนยันว่า เด็กนักเรียนจะมีสวัสดิภาพที่ดี ไม่ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมา

3. ไม่แจ้งความผู้ปกครอง ควรเข้าใจว่าเป็นลูกใคร ใครก็โกรธ แน่นอนว่า การทำร้ายร่างกายกันในที่สาธารณะ มันผิดกฎหมาย แต่อย่าลืม ว่าฝั่งโรงเรียนเป็นฝ่ายผิด แต่หาทางเจรจา ให้ครูนำดอกไม้ ของขวัญไปขอขมาผู้ปกครองรายคน โดยนอบน้อมที่สุด เขาจะรับหรือปฏิเสธ ไม่ใช่สาระที่สำคัญ แต่ผิดแล้วต้องรับผิด และ แก้ไขไม่ใช่แก้ตัว

4. ให้ลูกความ สารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อลดโทษ และเป็นการสำนึกผิด หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะแถ เสียทั้งภาพลักษณ์โรงเรียน และ ไม่แฟร์กับเด็กและผู้ปกครอง

ทนายตั้ม

สำหรับผม การพาลูกความไปแจ้งความ เหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น เสียชื่อโรงเรียนไม่พอ จากฝ่ายโจทก์อาจจะเห็นความสำนึกผิด จะยิ่งโกรธแค้น และทำให้คดีอื่น ๆ อีกเป็นพรวนเสียไปหมด ทนายมืออาชีพ ที่ว่าความที่ศาลจริง ไม่ใช่ศาลโซเชียล เขาไม่ทำกันหรอกครับ”

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือ ครูจุ๋ม ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง อายุ 37 ปี และภรรยา ผู้ปกครองของน้องเสือ เด็กนักเรียนอนุบาลที่ถูกครูจุ๋ม ทำร้ายร่างกาย โดยมีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เป็นทนายความให้

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมผู้ปกครอง ที่โรงเรียนสารสาสน์ วิเทศ ราชพฤกษ์ ซึ่งนายชาญวิทย์ และภรรยา เกิดอาการบันดาลโทสะ ระงับอารมณ์ไม่อยู่ พุ่งเข้าทำร้าย น.ส.อรอุมา หลังเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ที่น้องเสือถูกครูจุ๋มทำร้าย

ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ หรือ ทนายเดชา ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โดยส่วนหนึ่งระบุว่า

“เมื่อวานนี้ ผมได้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย กับโรงเรียน ผมก็ใช้วิชาชีพทางกฎหมาย ตามปกติ ใครก็แล้วแต่ ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา ก็ต้องมีทนายความ”

เดชา กิตติวิทยานันท์

“เท่าที่คุยกับทางพนักงานสอบสวน คดีครูจุ๋มทำร้ายร่างกายเด็กนั้น มีครูประมาณ 13 คน ที่ต้องถูกดำเนินคดี เขาได้เชิญผมไปเป็นทนาย ผมก็รับดำเนินการ ไม่ว่าคดีนั้น จะเป็นคดีฆ่าคนตาย คดีอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องมีทนายความ มันก็เป็นเรื่องปกติครับ ใช้วิชาชีพ ใครจะพอใจไม่พอใจ ก็เป็นความคิดส่วนตัวของท่าน”

“ทุกคนไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงซึ่งกัน และกัน ครูจุ๋ม ก็ไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับเด็ก ผู้ปกครองเด็ก ก็ไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับครูจุ๋ม มันคนละการกระทำกัน เขาก็แจ้งความดำเนินคดีกันไป”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo