General

ข่าวดี นายจ้าง รับผู้พ้นโทษ ได้ยกเว้นภาษี 50% จากรายจ่ายค่าจ้าง 1 ปีเต็ม

กรมราชทัณฑ์ ประกาศข่าวดี นายจ้าง ผู้พ้นโทษ ได้ยกเว้นภาษีเงินได้ 50% จากรายจ่ายค่าจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563

กรมราชทัณฑ์ แจ้งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 704) พ.ศ.2563 (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ให้นายจ้าง ผู้พ้นโทษ สามารถนำรายจ่าย ที่เป็นค่าจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ มายกเว้นภาษีเงินได้ เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของรายจ่าย

จ้างงานผู้พ้นโทษ 01

การยกเว้นภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจ และสนับสนุน ให้นายจ้างที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เกิดการจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ซึ่งการยกเว้นภาษีในครั้งนี้เฉพาะรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม พ.ศ.2563 เท่านั้น

สำหรับสาระสำคัญ ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่รับผู้พ้นโทษซึ่งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เป็นระยะเวลาไม่เกินสามปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน

ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ตามมาตรา 4 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 59 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีการจ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย ตั้งแต่เดือนที่รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน จนถึงเดือนสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้

ขณะที่นายจ้าง ที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ จะต้องเป็นบริษัท หรือนิติบุคคลเท่านั้น และต้องมีการจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน โดยผู้พ้นโทษจะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด ที่พ้นโทษครบกำหนดตามหมายศาล หรือเป็นนักโทษ ที่มีหนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีปกติ หนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ หรือหนังสือสำคัญการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก และเป็นผู้พ้นโทษ ที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำไม่เกิน 3 ปี

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อสนับสนุนให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เกิดการจ้างงานผู้พ้นโทษ อันจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ผู้พ้นโทษ ซึ่งจะช่วยลดการกระทำผิดซ้ำ สอดคล้องกับภารกิจกรมราชทัณฑ์ ที่นอกจากการควบคุมผู้ต้องขังแล้ว ยังมีหน้าที่ในการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง ให้เป็นผู้ที่มีทักษะ มีความสามารถ เพื่อให้ผู้พ้นโทษได้มีงานมีรายได้ สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ ไม่หันมาก่อความผิดซ้ำ

พร้อมกันนี้ ยังมีการติดตามผลการมีงานทำของผู้พ้นโทษ ผ่านระบบศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ (ศูนย์ CARE) ของเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการคืนคนดีสู่สังคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo