“ผบช.ตม.” โร่แจง! หลังมีโพสต์แชร์ว่อนเดินทางจาก “สเปน” เข้าไทยพร้อมผู้โดยสารอีก 500-600 คนฉลุย ไม่ถูกคัดกรอง
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Zen Wide” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ก่อนที่ผมจะบินกลับจากบาเซโลน่า ผมได้รับข้อมูลมากมายจากหลายๆ คนว่าผมจะต้องโดนตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดตอนมาถึงเมืองไทย หรือผมอาจจะต้องโดนกักตัวถ้าเกิดตรวจเจอเชื้ออะไรบางอย่างในร่างกาย และผมก็เตรียมใจไว้แล้วด้วยถ้าจะต้องโดนกักตัว ผมมาที่สนามบินบาเซโลน่าตอนเช้ามืดและโดนตรวจร่างกายอย่างเข้มข้นก่อนขึ้นเครื่องของทุกๆ คน ทำให้เที่ยวบินล่าช้าไป 2 ชั่วโมง ผมมาต่อเครื่องที่อาบูดาบี ก็ต้องเดินผ่าน 3 ขั้นตอนในการตรวจร่างกายก่อนขึ้นเครื่อง จนผมบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผมเดินลงจากเครื่องตอน 6 โมงเช้า เดินผ่าน ตม ไปยืนรอรับกระเป๋าพร้อมกันกับนักเดินทาง 5-6 ร้อยคนที่บินมากับสายการบินอื่นๆ 2-3 ลำ ที่บินลงในเวลาไล่เลี่ยกับผม เมื่อได้กระเป๋าผมและอีก 5-6 ร้อยคนในตอนนั้น ก็เดินออกไปนอกสนามบิน โดยที่ไม่ได้เจอะเจอกับเจ้าหน้าที่แมวน้ำอะไร ใด ๆ ที่จะมาตรวจสุขภาพเลยแม้แต่นิดเดียว…?????” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ตามขั้นตอนการตรวจคัดกรองของเจ้าหน้าที่มีการคัดกรองในเบื้องต้นด้วยกล้องเทอร์โมสแกนตามจุดต่างๆ ซึ่งกล้องดังกล่าวอาจไม่ได้ติดตั้งให้เห็นชัดเจน เหมือนช่วงแรกๆ ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นกล้อง CCTV หรือเป็นกล้องติดตั้งในจุดที่ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามองไม่เห็น
ขอยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรคและเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานคอยมอนิเตอร์ดูอุณหภูมิจากผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคน หากพบว่าผู้โดยสารรายใดที่อุณหภูมิสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรคและเจ้าหน้าที่การท่าฯที่เกี่ยวข้องเข้าไปเชิญตัวมาตรวจสอบอุณหภูมิและซักถามประวัติ การเดินทางอย่างละเอียด ไม่ได้เป็นการปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจผิดของผู้โพสต์
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลหนังสือเดินทางและประวัติการเดินทางของผู้เดินทางเข้าเมือง ไม่ได้มีหน้าที่ในการคัดกรองผู้ติดเชื้อ หากมีการประสานมาจากเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคหรือเจ้าหน้าที่การท่าฯ ว่าบุคคลดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไม่ว่าจะมาจากกรณีใดจะช่วยในการสกัดกั้นไว้ในระดับหนึ่ง
ส่วนการป้องกันตัวจากเชื้อโควิด- 19 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกนายเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันตัวทั้งการใส่ถุงมือและสวมหน้ากากอนามัยตลอดการทำงาน และเมื่อเสร็จการทำงานหรืออยู่ในช่วงพักต้องล้างมือให้สะอาด หากพบว่ามีอาการเสี่ยงต่อการติดเชื้อต้องรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาให้รับทราบและกักตัวดูอาการ 14 วันทันที เพื่อไม่ให้เชื้อดังกล่าว ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานและผู้ที่เดินทางเข้าเมือง
- กักตุนสินค้า! ปรากฎการณ์เดียวทั่วโลกหลังไวรัสโควิด-19 อาละวาด!
- ‘สนามบิน’ พบ 11 คนเสี่ยงเข้าข่ายติดโควิด ส่งตรวจที่โรงพยาบาล
- อัพเดทสถานการณ์ ‘ไวรัสโควิด-19’ วันที่ 19 มีนาคม 2563
