General

บอร์ด สปสช.หนุน รพ.รับมือ ‘โควิด-19’ อนุมัติงบพันล้าน ดูแลประชาชน

บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่ม “โควิด-19”  รายการเบิกจ่ายชดเชย “กองทุนบัตรทอง” เพิ่มความชัดเจน ครอบคลุมป้องกัน ตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสมรรถภาพ พร้อมอนุมัติงบ 1,020 ล้านบาท หนุนโรงพยาบาลรับมือ 

IOKE0607

วันนี้ (2 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยที่ประชุมเห็นชอบให้กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อยู่ในประเภท และขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)

พร้อมอนุมัติหลักการให้ใช้เงินกองทุน “รายการรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม” จำนวนไม่เกิน 1,020 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายในกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหน่วยบริการ

นายอนุทิน กล่าวว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “กองทุนบัตรทอง” ซึ่งเป็นระบบหลักประกันสุขภาพใหญ่ที่สุดของประเทศ มีภารกิจหลักสำคัญในการดูแลคนไทยให้เข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขที่จำเป็น รวมถึงในกรณีที่เกิดโรคระบาดอย่างกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในขณะนี้ โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ได้มอบให้ สปสช. ใช้งบประมาณจากองทุนฯ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกัน และควบคุมโรค ในการร่วมสกัดปัญหาการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ แม้ว่าการแพร่ระบาดของประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 คือไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศ แต่ สปสช.จำเป็นต้องเตรียมงบประมาณรองรับไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจและสนับสนุนการบริการของหน่วยบริการในการดูแลผู้ป่วยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

วันนี้บอร์ด สปสช.ได้พิจารณา และมีมติเห็นชอบให้กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในรายการประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบบัตรทอง ครอบคลุมดูแลทั้งการป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ ตรวจวินิจฉัยโรค รักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ และมอบให้คณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและดำรงชีวิต พิจารณารายละเอียดมาตรฐาน และแนวทางบริการ

ขณะเดียวกัน บอร์ด สปสช. ยังได้มอบคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงาน และบริหารจัดการกองทุนพิจารณาแหล่งงบประมาณ และกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินงาน วิธี เงื่อนไข และอัตราการรับค่าใช้จ่าย เพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ

โดยเบื้องต้นให้ สปสช.จ่ายชดเชยค่าบริการสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากเงินกองทุนรายการรายได้สูง(ต่ำ)กว่าค่าใช้จ่ายสะสม จำนวนไม่เกิน 1,020 ล้านบาท และให้ติดตามผลการใช้งบประมาณ กรณีที่ไม่เพียงพอ ให้ดำเนินการเพื่อขอรับงบกลางจากรัฐบาลต่อไป โดยงบประมาณที่อนุมัตินี้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยขน์และงบประมาณในระบบปกติแต่อย่างใด

ส่วนการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่โรงพยาบาล เพื่อรองรับในการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ต่อเสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาออกประกาศ เพื่อให้หน่วยบริการสามารถใช้เงินค่าใช้จ่ายชดเชยค่าเสื่อมของสิ่งก่อสร้าง และครุภัณฑ์สำหรับซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ หรือปรับปรุงพื้นที่ในหน่วยบริการมารองรับได้ วงเงินจำนวน 6,211 ล้านบาท โดยกำหนดเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ที่จำเป็นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตามคำสั่ง คสช. ที่ 37/2559 ข้อ 23(3)

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา 5
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า คณะกรรมการฯ และ สปสช.ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรสาธารณสุขทุกท่านที่เป็นด่านหน้าต่อสู้กับโรคโควิด-19 อย่างเข้มแข็ง และกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผ่านมาโรงพยาบาล ได้ให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองอยู่แล้ว สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายจากกองทุนบัตรทอง เพียงแต่การกำหนดไว้ในประเภท และขอบเขตบริการสาธารณสุข จะทำให้เกิดความชัดเจนในการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการยิ่งขึ้น

ขณะที่งบประมาณที่บอร์ด สปสช.อนุมัติในวันนี้ ก็เพื่อให้มีงบประมาณรองรับหากเกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อมไว้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยบริการและประชาชน

นอกจากนี้ภายใต้กองทุนบัตรทอง ยังมีกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) ที่ดำเนินการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ โดยท้องถิ่นสามารถ นำมาใช้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ตามบริบท และความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่

อาทิเช่น พื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น ในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถจัดซื้อหน้ากากอนามัย ให้กับประชาชน เจลแอลกอฮอล์ล้างมือได้ หรือบางพื้นที่อาจจะจัดกิจกรรม เพื่อสร้างความเข้าใจในการป้องกันโรค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนเพื่อป้องกันโรค เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีหลายพื้นที่ได้ดำเนินการไปแล้ว

Avatar photo