“อธิบดีกรมราชทัณฑ์” ขอโทษสังคมที่ไม่สามารถแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัยของ “สมคิด พุ่มพวง” ให้กลับมาเป็นคนดีได้
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า กรมราชทัณฑ์ดูแลผู้ต้องขังทั่วประเทศกว่า 370,000 คน และการพิจารณาผู้ต้องขังที่จะได้รับอิสระภาพมีอยู่ 3 ประเภท 1. พ้นโทษตามคำพิพากษาของศาล ภาษาราชทัณฑ์คือปล่อยตามป้าย เพราะได้รับโทษมาจนครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลจะได้รับการปล่อยตัวไป
2. การพักการลงโทษ มี 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรกพักการลงโทษแบบปกติ คือได้รับจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 เหลือโทษอีก 1 ใน 3 แต่การพักโทษจะมีเงื่อนไข ต้องไปรายงานตัวกับเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้งจนครบกำหนดโทษที่เหลือ ส่วนอีกลักษณะคือพักโทษกรณีพิเศษ ได้รับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 โดยคณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษ ที่มีปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานพิจารณา ผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ ต้องเป็นผู้เจ็บป่วยร้ายแรง เจ็บป่วยเรื้อรัง ที่มีอาการป่วยขั้นสุดท้าย และผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ขึ้นไป ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ให้กลับไปรักษาตัวอยู่กับครอบครัว ตามหลักมนุษยธรรม
3. ลดโทษ แบ่งผู้ต้องขังเป็น 6 ชั้น
1. ชั้นเลวมาก หรือชั้นต้องปรับปรุงมาก
2. ชั้นเลว หรือชั้นต้องปรับปรุง
3. ชั้นกลาง
4. ชั้นดี
5. ชั้นดีมาก
6.ชั้นเยี่ยม
โดยผู้ต้องขังเข้าใหม่จะอยู่ที่ชั้นกลาง หากประพฤติตัวดีเลื่อนเป็นชั้นดี ชั้นดีมาก และชั้นเยี่ยม เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ต้องขังให้อยู่ในระเบียบวินัยและยอมอบรมและพัฒนาตัวเองระหว่างอยู่ในเรือนจำ ในทางตรงข้ามหากผู้ต้องขังประพฤติตัวไม่ดีจะลดไปชั้นเลว และเลวมากตามลำดับ จะมีผลต่อการบริหารโทษตามกฏหมาย
อย่างไรก็ตาม กรณีของนายสมคิด พุ่มพวง อดีตผู้ต้องขังที่เพิ่งจะพ้นโทษไปกลางปี 62 นั้น ไปก่อเหตุสะเทือนขวัญอีก ตนในฐานะผู้นำหน่วยของกรมราชทัณฑ์ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต และขอโทษสังคมที่กรมราชทัณฑ์ ไม่สามารถแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัยของนายสมคิดให้กลับมาเป็นคนดีได้
ต้องเข้าใจว่านายสมคิดได้รับการลงโทษและได้รับการลดโทษตามกระบวนการกฏหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องทุกประการ ซึ่งขณะก่อเหตุล่าสุดเป็นการก่อเหตุภายนอกเรือนจำหลังจากพ้นโทษไปแล้ว ซึ่งการพ้นโทษตามกำหนดไม่ได้มีกลไกในการติดตามตัว ทำได้เพียงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เฝ้าสังเกตุพฤติกรรมในกรณีพิเศษ เช่นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง หรือมือปืนรับจ้างเท่านั้น แตกต่างจากผู้ต้องขังที่ได้รับพักโทษ และยังเหลือโทษอีก 1 ใน 3 ยังต้องมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติตามขั้นตอน
“ส่วนกรณีที่มีปัญหา คือผู้ต้องขัง ผู้ต้องหาในคดีอาญารับโทษสิ้นสุด หรือพ้นโทษได้รับการปล่อยตัวไปแล้วตามรัฐธรรมนูญ ก็จะดำรงสถานะเป็นประชาชนทั่วไป ผู้พ้นโทษหลายรายพ้นโทษออกจากเรือนจำไปก็กลับไปใช้ชีวิตเป็นพลเมืองดี
แต่กรณีนายสมคิดนั้น ตนยอมรับว่าน่าจะเกิดจากความบกพร่องผิดพลาดในการกลั่นกรอง ซึ่งเป็นระบบทางกฏหมายที่ใช้มานาน ประกอบกับมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวของในการร่างกฏหมายดังกล่าว คงต้องมีมาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการกลั่นกรองบุคคลเหล่านี้มากขึ้น” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว