General

‘อนุทิน’ เปิดโครงการรับยาใกล้บ้าน ปชช.ปลื้มลดค่าใช้จ่าย-ประหยัดเวลา

วันนี้ (1 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศักดิ์ชัย กาญจวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และคณะ ได้เดินทางไปยังร้าน save drug center ที่บิ๊กซีแจ้งวัฒนะ  เพื่อเปิดตัวโครงการรับยาใกล้บ้าน ตามนโยบายการลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านยาแผนปัจจุบัน

439648

นายอนุทินระบุว่า งานนี้เป็นการบูรณาการระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งวันนี้จะสร้างความคุ้นเคยกับระบบดังกล่าว  ที่ช่วยร่นระยะเวลาในการรอรับยาที่โรงพยาบาล ลดความแออัดในโรงพยาบาล

439586

ร้านขายยาจะได้ค่าบริหารจัดการปีละประมาณ 33,000 บาท ซึ่งร้านขายยาจะมีรายได้เสริมจากการส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยในรูปแบบต่างๆ เรียกว่าเป็นธุรกิจแบ่งปัน นอกจากการจัดยาตามใบสั่ง ก็อาจจะขายอุปกรณ์เสริมสุขภาพเพิ่มเติม หวังว่าจากนี้ จะมีร้านขายยามาเข้าโครงการเพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

“ในช่วงเริ่มต้นโครงการจะดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และโรคทางจิตเวช รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน ยาที่ผู้ป่วยจะได้รับจากร้านยาในระยะแรกจะเป็นยาที่จัดส่งมาจากโรงพยาบาล เป็นยารายการเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย”

S 30580742

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลและร้านยา ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการส่งข้อมูล โดยโรงพยาบาลจะจัดส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยให้กับร้านยาเพื่อให้จ่ายยา และให้คำแนะนำกับผู้ป่วยได้ และจะมีการประเมินสุขภาพและความพึงพอใจหลังดำเนินโครงการเพื่อปรับปรุงด้านบริการของโรงพยาบาล เช่น มีเวลาดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมคุณภาพยาในหอผู้ป่วย เป็นต้น

จากนั้น นายอนุทิน และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมกิจกรรมการจ่ายยานอกโรงพยาบาลที่ร้านขายยา Pure บิ๊กซีแจ้งวัฒนา ซึ่งเป็นร้านขายยาในเครือข่ายของโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

S 30580744

ด้านนางสาวสุวลี ศรีประเสริฐ ประชาชน ที่มาใช้บริการกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ส่วนตัวเป็นเบาหวาน ความดัน และมีปัญหาปริมาณไขมัน ต้องไปโรงพยาบาล เพื่อรับยาชุดเดิม แต่ต้องเดินทางไกล เสียเวลาเป็นชั่วโมง เมื่อถึงโรงพยาบาล ต้องรอถึง 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้รับยา แต่เมื่อมีโครงการนี้ จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้มาก จากนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์โครงการให้

เช่นเดียวกับนางสาวโสภา มีชัย ผู้ป่วยโรคความดัน ที่กล่าวชื่นชมโครงการดังกล่าว ว่า บ้านอยู่แถวแจ้งวัฒนะ แต่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลราชวิถี เสียเวลาครั้งละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง การมีโครงการดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก ส่วนเรื่องความมั่นใจ ขอบอกว่าเต็ม 100% เพราะเป็นโครงการที่รัฐดูแล หากมีความไม่ชอบมาพากล ย่อมสามารถตรวจสอบ และหาผู้รับผิดชอบได้

S 30580746

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านยาแผนปัจจุบัน ข.ย.1 ที่มีเภสัชกรประจำร้าน ซึ่งจะมีป้ายสัญลักษณ์ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ที่หน้าร้าน ขณะนี้มีโรงพยาบาลในต่างจังหวัด และกทม.ที่ขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการแล้ว 35 แห่ง และร้านยากว่า 300 แห่ง จะดำเนินการให้ครบ 50 โรงพยาบาล 500 ร้านยา ในปีงบประมาณ 2563

ผู้ป่วยที่สนใจสามารถสอบถามรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ สายด่วน สปสช.1330 และที่เว็บไซต์ https://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-contentdetail.aspx?CatID=MTI4OA==

โครงการเบื้องต้น ใช้งบประมาณ 153 ล้านบาท เป็นค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ของร้านยา 70 บาทต่อครั้ง (อ้างอิงตามประกาศค่าบริการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2560) และค่าจัดบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ของหน่วยบริการร่วมกับร้านยา เหมาจ่ายอัตรา 33,000 บาทต่อร้านยา 1 แห่งต่อปี

Avatar photo