ศูนย์จีโนมฯ ออกหนังสือค้าน สปสช. หลังมอบหมาย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นหน่วยงานเดียวในการตรวจ NIPT ชี้ผูกขาด ส่งผลกระทบระบบสาธารณสุขและประชาชนที่เข้าใช้บริการ
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี (ศูนย์จีโนมฯ)โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ออกหนังสือคัดค้าน สปสช. กรณีให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการตรวจ NIPT เพียงหน่วยงานเดียว โดยระบุว่า
หนังสือคัดค้าน
เรื่อง การทบทวนร่างประกาศเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับบริการพื้นฐาน (การตรวจ NIPT)
เรียน เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดทำร่างประกาศเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับบริการพื้นฐาน โดยมีแผนการมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นเพียงหน่วยงานเดียวในการดำเนินการตรวจ Non-Invasive Prenatal Test (NIPT) ทั่วประเทศ จำนวน 2.2 แสนคนต่อปี ซึ่งได้มีการเผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ ของ สปสช. ที่ https://law.go.th/ProjectTimeline?projectId=MzkwMURHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= นั้น
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ขอแสดงความคิดเห็นคัดค้านต่อแนวทางดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินการในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุขและประชาชนผู้รับบริการ ดังประเด็นต่อไปนี้
1. ผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการของประชาชน
การรวมศูนย์การให้บริการไว้ที่หน่วยงานเดียวจะส่งผลให้ประชาชน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ในภูมิภาคห่างไกลประสบความยากลำบากในการเข้าถึงบริการ ทั้งในแง่ของ:
- ระยะเวลาที่ยาวนานในการขนส่งตัวอย่างจากพื้นที่ห่างไกลมายังศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของตัวอย่างเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้ผลการตรวจมีความแม่นยำลดลง
- ความเปราะบางของระบบ หากเกิดปัญหาใดๆ ที่ศูนย์กลาง เช่น การขัดข้องของเครื่องมือ การขาดแคลนบุคลากร หรือภัยพิบัติ จะส่งผลกระทบต่อระบบการตรวจทั้งประเทศ โดยไม่มีทางเลือกสำรอง
- ความล่าช้าในการรายงานผล อันเนื่องมาจากปริมาณตัวอย่างจำนวนมากที่ต้องวิเคราะห์ในเวลาจำกัด
- การขาดการกระจายจุดให้บริการและให้คำปรึกษาในพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องเดินทางไกลเพื่อใช้บริการ
2. ความเสี่ยงต่อสุขภาพมารดาและทารกจากความล่าช้าในการวินิจฉัย
การรวมศูนย์ที่หน่วยงานเดียวซึ่งต้องรับผิดชอบการตรวจวิเคราะห์ถึง 2.2 แสนรายต่อปี หรือประมาณ 600 รายต่อวัน จะก่อให้เกิด:
- ความล่าช้าในการวิเคราะห์และรายงานผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระยะเวลาดำเนินการ (TAT) ในแต่ละตัวอย่างส่งตรวจโดยเฉลี่ยประมาณ 5-10 วัน เนื่องจากกระบวนการมีขั้นตอนที่ซับซ้อน
- การเสียโอกาสในการวินิจฉัยและตัดสินใจทางการแพทย์ในระยะเวลาที่เหมาะสม
- ความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานที่เร่งรีบเพื่อให้ทันปริมาณงานที่มาก
3. การสูญเสียทรัพยากรและงบประมาณของรัฐอย่างไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
การผูกขาดการให้บริการไว้ที่หน่วยงานเดียวเป็นการสร้างระบบที่ขาดการแข่งขัน (Monopoly) ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งบประมาณของรัฐ ดังนี้:
- ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนการให้บริการ
- ลดโอกาสในการประหยัดงบประมาณจากกลไกการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม
- ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านความคุ้มค่า
4. การละเมิดหลักการพัฒนาระบบสาธารณสุขอย่างยั่งยืน
การผูกขาดการให้บริการจะนำไปสู่:
- การสูญเสียองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วในสถาบันการแพทย์อื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้ดำเนินการตรวจ NIPT มากว่า 10 ปี
- การลดทอนศักยภาพของระบบสาธารณสุขในภาพรวม จากการไม่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ทั่วประเทศ
- การขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในวงการแพทย์ของประเทศ
5. การสร้างความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข
การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิด:
- ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงบริการระหว่างผู้ที่อยู่ในเขตเมืองและชนบท
- การเลือกปฏิบัติต่อหน่วยงานเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้หน่วยอื่นมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม
- การสร้างความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสาธารณสุขซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
6. ผลกระทบจากการเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะบางหน่วยงานและบริษัท
การรวมศูนย์การตรวจวิเคราะห์ที่หน่วยงานเดียวอาจเปิดช่องให้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบุคคลหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดให้ใช้บริการจากผู้รับเหมาเอกชนรายใดรายหนึ่งในการจัดหาอุปกรณ์หรือบริหารจัดการระบบ โดยอาจมีการล็อกสเปกหรือให้สัญญากับกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ ส่งผลให้เกิดการผูกขาด ราคาที่สูงเกินจริง หรือคุณภาพบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจกระทบต่องบประมาณของ สปสช. และประโยชน์ของประชาชนโดยรวม
การกระจายระบบการตรวจ NIPT ไปยังหน่วยงานที่มีศักยภาพทั่วประเทศจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ และตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
7. การขัดแย้งกับแนวทางการดำเนินงานที่ผ่านมาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ในปีงบประมาณ 2564 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศให้สิทธิประโยชน์ บริการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม BRCA1/BRCA2 ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับประชาชนไทยอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง และญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์
ในกรณีดังกล่าว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดำเนินการตามหลักการบริหารภาครัฐที่ดี ด้วยการเปิดโอกาสให้หน่วยตรวจบริการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีศักยภาพสามารถเข้าร่วมดำเนินการให้บริการแก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการตรวจคัดกรอง Non-Invasive Prenatal Test (NIPT) ปี 2568 ซึ่งเป็นบริการทางการแพทย์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกลับมีแนวทางการดำเนินการที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการมอบหมายให้เพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด การกระทำดังกล่าวมิได้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ยึดถือและปฏิบัติมาในอดีต
การเปลี่ยนแปลงแนวทางดังกล่าว โดยปราศจากเหตุผลที่ชัดเจนและเป็นที่ประจักษ์ อาจก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อกระบวนการพิจารณาและตัดสินใจในการบริหารงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
นอกจากนี้ การให้ประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ อาจนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมในระบบ และลดความไว้วางใจของประชาชนต่อการทำงานของ สปสช. หากประชาชนหรือสื่อตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าว อาจเกิดกระแสต่อต้านและความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
ข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงขอเสนอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณา:
1. ทบทวนและยกเลิกแนวทางการมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นเพียงหน่วยงานเดียวในการดำเนินการตรวจ NIPT
2. เปิดโอกาสให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีศักยภาพและความพร้อม เข้าร่วมให้บริการ โดยกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นธรรม
3. สร้างระบบการกระจายจุดรับตัวอย่างและให้คำปรึกษาในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง
4. จัดให้มีกลไกการกำกับดูแลคุณภาพและราคาที่โปร่งใส เพื่อประกันว่าประชาชนจะได้รับบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
5. ยึดถือแนวทางการดำเนินงานที่เคยปฏิบัติมาแล้วในกรณีการตรวจ BRCA1/BRCA2 เป็นต้นแบบในการดำเนินการตรวจ NIPT เพื่อความสอดคล้องและต่อเนื่องในนโยบายสาธารณสุข
การดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พัฒนาคุณภาพบริการ และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- บอร์ด สปสช. เคาะจ่ายเพิ่มตรวจอาการดาวน์ในครรภ์แบบไม่ลุกล้ำ 2,700 บาทต่อครั้ง
- โควิดระบาดหนัก! ‘หมอธีระ’ คาดยอดติดเชื้อใหม่พุ่ง 13,443-18,671 ราย
- ศูนย์จีโนมฯ ยันผลวิจัย-ผู้เชี่ยวชาญ เห็นตรง ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ไม่เกี่ยววัคซีนโควิด
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X(Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg