ปิดฉากทรงผมนักเรียน ศธ.ย้ำ ยกเลิกระเบียบตั้งแต่ปี 2566 ห้ามโรงเรียนกำหนดเอง ต้องถามนักเรียนด้วย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 24/2563 เพิกถอน กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน 2515 ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนและการใช้เครื่อสำอางหรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวยที่ไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน
ให้ความสำคัญกับเสรีภาพ ยกเลิกทรงผมนักเรียนตั้งแต่ปี 2566
โดยปัจจุบัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญในเรื่องของสิทธิผู้เรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ออกหนังสือยกเลิกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อไม่ให้กฎระเบียบจำกัดเสรีภาพในร่างกายของนักเรียน
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาเพิกถอนกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวโดยระบุเหตุผลว่า เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาเป็นเยาวชน ที่กำลังสร้างสมคุณสมบัติทั้งในด้านความรู้ ความคิดและคุณธรรม พร้อมที่จะรับมรดกตกทอดจากผู้ใหญ่เป็นพลเมืองที่มีประโยชน์แก่ประเทศชาติในอนาคต นักเรียนและนักศึกษาควรจะได้รับการอบรมดูแลใกล้ชิดจากบิดามารดา ผู้ปกครอง และครูอาจารย์ เพื่อเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ ที่ดีของครู อยู่ในโอวาทคำสั่งสอน รวมทั้งอยู่ในระเบียบประเพณีและกฎหมายของบ้านเมือง
ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการได้รับฟังทุกเสียงของผู้เรียน ครู ผู้ปกครอง และประชาชนในสังคม พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทีละจุดให้เกิดความเรียบร้อยจนเกิดเป็นที่พึงพอใจได้หลายส่วน ในส่วนของการดำเนินการของศาลปกครองเรื่องเพิกถอนกฎกระทรวงฯ เป็นไปตามกรอบระยะเวลากระบวนการพิจารณาคดีปกครอง ที่ต้องมีการพิพากษาชี้ขาดภายในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน แต่กฎระเบียบดังกล่าวในทางปฏิบัติ กระทรวงศึกษาธิการได้ยกเลิกมานานแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการเน้นย้ำกับครูและสถานศึกษามาโดยตลอด เรื่องการให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของผู้เรียน และระมัดระวังการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้กระทบร่างกายและจิตใจผู้เรียน สอดคล้องนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนที่หลากหลายและเป็นธรรมในทุกด้าน กฎระเบียบอะไรที่ปรับแล้วไม่เกิดความเสียหาย เราก็ไม่ได้ยึดติดพร้อมเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน
ไทม์ไลน์ยกเลิกระเบียบทรงผม
ไทม์ไลน์การดำเนินการเรื่องยกเลิกระเบียบทรงผมของกระทรวงศึกษาธิการ รายละเอียดดังนี้
1.เรื่องทรงผม เดิมถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงฉบับที่1 และ 2 ออกตาม ปว 132 จนกระทั่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ก็ยังถือปฏิบัติตลอดมาตามบทเฉพาะกาลเพราะยังไม่ออกกฎกระทรวงฉบับใหม่
2.ปี 2548 ออกกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาแต่ไม่ได้กำหนดเรื่องของทรงผม ยังคงถือปฏิบัติต่อมา
3.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แจ้งมายังกระทรวงศึกษาธิการว่าเราควรจะมีระเบียบกลางเกี่ยวกับเรื่องทรงผมเพื่อเป็นแนวทาง เนื่องจากมีนักเรียนไปร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพราะสถานศึกษาแต่ละแห่งปฏิบัติไม่เหมือนกัน
4.ปี 2563 ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยทรงผมนักเรียน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546
5.เดือนสิงหาคม 2565 นักเรียนร้องเรียนมายังกระทรวงศึกษาธิการว่าไม่มีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับทรงผมดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิเราจึงได้หารือเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
6.สำนักงานคณะกรรมการกษฎีกา ได้ตอบข้อหารือ กฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2515) สิ้นผลใช้บังคับนับแต่วันที่กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียน พ.ศ. 2548 มีผลใช้บังคับ และกระทรวงศึกษาธิการไม่อาจออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการพ.ศ. 2546 เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนเพื่อใช้บังคับแก่นักเรียนโดยตรงได้
แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการอาจกำหนดแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนและแจ้งเวียนไปยังสถานศึกษาเพื่อให้สถานศึกษาออกระเบียบของสถานศึกษาเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 39 (1) พรบ.ศธ. 2546
7.ปี 2566 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกระเบียบกระทรวง เพื่อยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียน พ.ศ. 2563 และขณะเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ออกนโยบายแจ้งเวียนไปยังส่วนราชการและสถานศึกษา มีสาระสำคัญ กล่าวคือ จัดให้มีระเบียบของสถานศึกษาเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน โดยผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เช่น นักเรียน และต้องขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษาหรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียน รวมทั้งเผยแพร่ระเบียบดังกล่าวให้นักเรียนทราบต่อไป
8. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงศึกษาธิการแจ้งครูและสถานศึกษาในสังกัดถึงการระมัดระวังการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ ต้องเป็นไปตามแนวทางการลงโทษ 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทําทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทํากิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยกันปรับทัศนคติให้สอดคล้องกับบริบทสังคม
9. วันที่ 3 มกราคม 2568 กระทรวงศึกษาธิการได้เน้นย้ำเรื่องยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียน โดยให้สถานศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้เรียน ส่งเสริมความหลากหลายและเป็นธรรมในทุกด้าน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นักเรียนเฮ! ศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนกฎกระทรวงจำกัดเสรีภาพทรงผม
- เฮ! แจกแท็บเล็ต-โน้ตบุ๊ค นักเรียนม.ปลาย 6 แสนคน เปิดเทอม 2 ปีนี้ ได้แน่นอน
- เคาะงบ 2.9 หมื่นล้าน ให้ศธ. แจกแท็บเล็ต-โน้ตบุ๊ค นักเรียนม.ปลาย 6 นำร่องแสนคน
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg