General

น่าห่วง! พบประชาชน 38 ล้านคน อยู่ในพื้นที่จมฝุ่น PM 2.5

“สมศักดิ์” ห่วงคนไทยเป็นโรคร้ายจากค่าฝุ่น PM 2.5 พบ 38 ล้านคน อยู่ในพื้นที่เกินค่ามาตรฐาน 15 ล้านคน เป็นกลุ่มเปราะบาง

วันนี้ (23ม.ค.) อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมรับทราบแผนการดำเนินงานการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ของ สสส.

PM 2.5

โดยเฉพาะสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ค่าเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ พบว่ามีประชากรอยู่ในพื้นที่ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน กว่า 38 ล้านคน ในจำนวนนี้ 15 ล้านคน เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และ 6 ล้านคน เป็นเด็กและเยาวชน มีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศสูงถึง 12 ล้านคน ส่งผลให้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมาตนได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้หารือถึงมาตรการดูแลประชาชน เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า จึงขอให้ สสส. ดำเนินการร่วมขับเคลื่อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ตามแผนงานอย่างเข้มข้น

“ในการยกระดับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ระยะยาว จะต้องดำเนินการบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน จึงขอให้ สสส.และภาคีเครือข่ายหนุนเสริมการดำเนินงาน ร่างพ.ร.บ.บริหารเพื่อจัดการอากาศสะอาด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ. มุ่งเน้นบูรณาการมิติด้านสุขภาพและสังคมเพื่อสร้างสังคมอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพ และเป็นมาตรการกลไกแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบ ตามมาตรการดังกล่าว เพื่อจัดการอากาศสะอาดอย่างยั่งยืน” นายสมศักดิ์ กล่าว

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปี 2566 ประเทศไทยมีฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานใน 58 จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และน่าน ซึ่งสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ส่งผลให้อัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 10,521.9 ต่อแสนประชากรในปี 2563 เป็น 17,245.2 ต่อแสนประชากรในปี 2566 โดยเฉพาะกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปี ที่ร้อยละ 58.2 อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และมีเด็กเข้ารับการรักษาเฉลี่ย 2,670 รายต่อวัน ซึ่งการได้รับฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่เจ็บป่วยเล็กน้อยถึงโรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ และมะเร็งปอด

นายสมศักดิ์ ได้ให้ข้อสังเกตถึงการระบาดของบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงเป็นเรื่องที่มีความกังวล โดยเฉพาะปัจจุบันมีบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ เรียกว่า “พอตเค” หรือ “หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมยาเค” ซึ่งเป็นยาเสพติดรูปแบบใหม่ที่มากับบุหรี่ไฟฟ้า ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวกลางคืน ซึ่งสารเคตามีน เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 และใช้ในทางการแพทย์ แต่ปัจจุบันมีการลักลอบนำสารเคตามีนไปผสมแทนหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อหวังฤทธิ์ในการหลอนประสาท ผ่านวิธีการสูดดม หรือสูบควัน และผู้เสพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอให้ สสส. รณรงค์ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ทุกภาคส่วน เน้นบูรณาการความรู้ให้เด็กและเยาวชนรู้ทันภัยบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น

ในการประชุม นายสมศักดิ์ ได้เห็นชอบแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร โดยในช่วง 10 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา มียอดอุบัติเหตุทางถนนสะสม 2,467 ครั้ง เสียชีวิต 436 คน บาดเจ็บ 2,376 คน สาเหตุหลัก คือ ขับเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่ใส่อุปกรณ์นิรภัย จึงขอให้ สสส. ดำเนินงานบูรณาการอย่างเข้มข้นร่วมกับ สอจร.กลาง และประสานความร่วมมือกับเครือข่าย Road Safety ในพื้นที่เสี่ยงสูง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บลงร้อยละ 50 ภายในปี 2573

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo