ปี 2568 เฝ้าระวัง สหรัฐฯ อาจเป็นจุดเริ่มต้นโรคระบาดใหญ่ครั้งใหม่ หลังพบไข้หวัดนก H5N1 แพร่กระจายรุนแรง
การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในสหรัฐ กำลังสร้างความวิตกกังวลในระดับโลก เมื่อพบว่ามีการกลายพันธุ์และสามารถแพร่กระจายข้ามสายพันธุ์ของสัตว์เลือดอุ่นได้อย่างรวดเร็ว
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่จำเป็นต้องมีต้นกำเนิดจากภูมิภาคเอเชียหรือแอฟริกาเสมอไป และสหรัฐอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปได้ เช่นเดียวกับกรณีไข้หวัดใหญ่สเปนในปี 1918 ที่แม้จะมีชื่อเรียกที่ทำให้เข้าใจผิด แต่นักวิจัยจำนวนมากเชื่อว่ามีจุดเริ่มต้นจากสหรัฐ
จากรายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เผยสถานการณ์น่าวิตกของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่กำลังระบาดอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ โดยพบการกลายพันธุ์ที่ทำให้ประสิทธิภาพของยาต้านไวรัสลดลง และที่น่ากังวลคือการแพร่กระจายของเชื้อที่ไม่จำกัดเฉพาะในนกอีกต่อไป สุ่มเสี่ยงที่จะมีการกลายพันธุ์เกิดการระบาดอาการรุนแรงระหว่างคนสู่คน
สถานการณ์ล่าสุดสร้างความกังวลอย่างมาก เมื่อพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 แล้ว 65 รายในสหรัฐ โดย 3 รายพบการกลายพันธุ์ที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยา oseltamivir ในการรักษาลดลง สถานการณ์ยิ่งน่าวิตกเมื่อพบว่า เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายสู่วัวนม และตรวจพบ RNA ของไวรัสในนมดิบความเข้มข้นสูง
การระบาดครั้งนี้ไม่เพียงจำกัดอยู่ในสัตว์ปีกเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปยังสัตว์หลากชนิด รวมถึงกรณีแมวบ้านที่เสียชีวิตจากการกินอาหารแช่แข็งที่มีเชื้อปนเปื้อน พร้อมกันนี้ คนงานฟาร์มจำนวนมากก็ล้มป่วยด้วย อาการระบบทางเดินหายใจและตาอักเสบ
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ การพบผู้ป่วยอาการรุนแรงจากเชื้อไข้หวัดนกกลายพันธุ์ในรัฐลุยเซียนา รัฐวอชิงตัน และที่บริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของเชื้อที่เพิ่มขึ้นจากการกลายพันธุ์
ข้อมูลสำคัญที่ควรทราบ
CDC เปิดเผยผลการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดนก HPAI A(H5N1) จากผู้ป่วยอาการรุนแรงในรัฐลุยเซียนา โดยเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรหัสพันธุกรรมของเชื้อที่พบในวัวนม นกป่า สัตว์ปีก และผู้ป่วยรายก่อนหน้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ B3.13 ผลปรากฏว่าเชื้อได้กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ D1.1
ที่น่าสนใจคือ การตรวจพบการกลายพันธุ์ความถี่ต่ำในยีน hemagglutinin จากตัวอย่างของผู้ป่วย ซึ่งลักษณะการกลายพันธุ์นี้ไม่พบในเชื้อที่เก็บได้จากสัตว์ปีกในพื้นที่ที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมนี้เกิดขึ้นภายในร่างกายของผู้ป่วยหลังจากได้รับเชื้อ
การกลายพันธุ์ความถี่ต่ำในยีน hemagglutinin ที่พบในไวรัสไข้หวัดนก H5N1 พบได้ดังนี้
1. A134A/V
- ตำแหน่งที่ 134 ของโปรตีนส่วนหนาม
- 88% ของไวรัสยังคงเป็นกรดอะมิโนอะลานีน (Alanine) เหมือนเดิม
- 12% กลายพันธุ์เป็นกรดอะมิโนวาลีน (Valine)
2. N182N/K: ของโปรตีนส่วนหนาม
- ตำแหน่งที่ 182 ของโปรตีน
- 65% ของไวรัสยังคงเป็นกรดอะมิโนแอสพาราจีน (Asparagine) เหมือนเดิม
- 35% กลายพันธุ์เป็นกรดอะมิโนไลซีน (Lysine)
3. E186E/D: ของโปรตีนส่วนหนาม
- ตำแหน่งที่ 186 ของโปรตีน
- 92% ของไวรัสยังคงเป็นกรดอะมิโนกลูตามิก (Glutamic acid) เหมือนเดิม
- 8% กลายพันธุ์เป็นกรดอะมิโนแอสพาร์ติก (Aspartic Acid)
การกลายพันธุ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละตำแหน่ง มีทั้งไวรัสที่ยังคงลักษณะเดิมและไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีสัดส่วนที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณสมบัติของไวรัสในด้านต่างๆ เช่น ความสามารถในการติดเชื้อหรือการหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกัน
รายละเอียดเชื้อไข้หวัดนกกลายพันธุ์ในรัฐลุยเซียนา
CDC ได้วิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมของไวรัส ที่พบในตัวอย่างจากทางเดินหายใจส่วนบนสองตัวอย่างของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง (HPAI) A(H5N1) ในรัฐลุยเซียนา
ผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัส A(H5N1) สายพันธุ์ D1.1 ซึ่งมีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมกับไวรัส D1.1 ที่ตรวจพบเมื่อเร็วๆ นี้ในนกป่าและสัตว์ปีกในสหรัฐ รวมถึงในผู้ป่วยที่รัฐวอชิงตัน และบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดาที่มีอาการรุนแรง
ไวรัสไข้หวัดนก A(H5N1) สายพันธุ์นี้แตกต่างจากสายพันธุ์ B3.13 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางและก่อให้เกิดการระบาดในฝูงวัวนม สัตว์ปีก และสัตว์อื่นๆ พร้อมทั้งพบการติดเชื้อในมนุษย์เป็นครั้งคราวในสหรัฐ
นักวิจัยได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรมแบบละเอียด จากตัวอย่างทางคลินิกสองตัวอย่างของผู้ป่วยในลุยเซียนา เพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกี่ยวข้องกับการปรับตัวเข้ากับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบการเปลี่ยนแปลงความถี่ต่ำบางประการในส่วนของยีนฮีแมกกลูตินิน (hemagglutinin: HA) ซึ่งพบได้น้อยในมนุษย์
แต่เคยมีรายงานในผู้ป่วย A(H5N1) ที่มีอาการรุนแรงในบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งบ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินโรคขณะที่ไวรัสเพิ่มจำนวนในตัวผู้ป่วย การวิเคราะห์ยีน N1 neuraminidase (NA), matrix (M) และ polymerase acid (PA) จากตัวอย่างไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับตัวบ่งชี้ที่ทราบแล้วหรือสงสัยว่าจะทำให้ลดความไวต่อยาต้านไวรัส
ยีนฮีแมกกลูตินิน เป็นยีนที่สำคัญในไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยทำหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีนฮีแมกกลูตินิน ซึ่งเป็นไกลโคโปรตีนหรือส่วนหนามที่อยู่บนเปลือกผิวชั้นนอกของอนุภาคไวรัส โปรตีนชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการติดเชื้อไวรัส เนื่องจากช่วยให้ไวรัสสามารถจับกับตัวรับกรดไซแอลิก (Sialic acid) บนผิวเซลล์ของโฮสต์ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส
ฮีแมกกลูตินินมีความจำเพาะต่อการจับกับตัวรับกรดไซแอลิกที่แตกต่างกันในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด เช่น ในมนุษย์ ตัวรับที่พบส่วนใหญ่จะเป็นแบบ SA-α2,6-Gal, ในสัตว์ปีก ตัวรับส่วนใหญ่จะเป็นแบบ SA-α2,3-Gal
ความจำเพาะนี้ส่งผลต่อความสามารถของไวรัสในการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์ เช่น จากสัตว์ปีกสู่มนุษย์ นอกจากนี้ ฮีแมกกลูตินินยังมีบทบาทในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยสามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีในร่างกาย
ยีนฮีแมกกลูตินินในไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ถูกแบ่งออกเป็น 18 ชนิด (H1-H18) ซึ่งแต่ละชนิดมีความจำเพาะและความสามารถในการติดเชื้อที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น:
- H1N1 และ H3N2 เป็นสายพันธุ์ที่พบในมนุษย์และทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
- H5N1 และ H7N9 เป็นสายพันธุ์ที่พบในสัตว์ปีกและสามารถติดเชื้อในมนุษย์ได้ ทำให้เกิดอาการรุนแรง
การศึกษายีนฮีแมกกลูตินินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนายาต้านไวรัสและวัคซีน รวมถึงการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ที่อาจเพิ่มความสามารถของไวรัสในการแพร่ระบาดหรือข้ามสายพันธุ์
โดยภาพรวม ลำดับพันธุกรรมของยีนฮีแมกกลูตินิน จากตัวอย่างทางคลินิกทั้งสองชิ้นมีความใกล้ชิดกับลำดับ HA ที่ตรวจพบในไวรัสสายพันธุ์ D1.1 อื่นๆ รวมถึงไวรัสที่ถอดรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่เก็บในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2567 จากนกป่าและสัตว์ปีกในลุยเซียนา
ยีน HA ของไวรัสเหล่านี้ยังมีความใกล้ชิดกับไวรัสสายพันธุ์วัคซีนตัวเลือก A/Ezo red fox/Hokkaido/1/2022 (CVV) โดยพบการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโน 2 หรือ 3 ตำแหน่ง ไวรัสเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนใน HA เฉลี่ย 3 หรือ 4 ตำแหน่งเมื่อเทียบโดยตรงกับลำดับพันธุกรรมของ A/Astrakhan/3212/2020 CVV
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ไวรัสที่ตรวจพบในตัวอย่างทางเดินหายใจของผู้ป่วยรายนี้มีความใกล้ชิดกับไวรัสวัคซีนตัวเลือก HPAI A(H5N1) ที่มีอยู่แล้วและพร้อมให้ผู้ผลิตใช้ในการผลิตวัคซีนหากจำเป็น
การดำเนินการต่อไป
โดยภาพรวมแล้ว CDC ประเมินว่า ความเสี่ยงต่อประชาชนทั่วไปจากการระบาดของเชื้อไข้หวัดนก HPAI A(H5N1) ในสหรัฐ ยังไม่เปลี่ยนแปลงคือคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การตรวจพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง พร้อมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในตัวอย่างทางคลินิก ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังทางพันธุกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งในคนและสัตว์ การควบคุมการระบาดของไข้หวัดนก A(H5) ในฟาร์มโคนมและสัตว์ปีก รวมถึงมาตรการป้องกันสำหรับผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ติดเชื้อหรือสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อ
ที่มา: ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ชี้ช่องลดช่องว่างภูมิคุ้มกัน หลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเด็กไทย
- โปรตีนหนาม ไวรัสโควิด 19 ตัวการร้ายทำลายสมองในระยะยาว
- ‘หมอยง’ เตือนไทยเฝ้าระวังโรค X ในคองโก แม้ห่างไกล บทเรียนจากโควิด 19
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsigh
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx